เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ครอบคลุมถึงพนักงาน ผู้รับเหมา คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

โดยยึดมั่นในการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผู้มีส่วนได้เสียได้รับการปฏิบัติด้วยความเป็นธรรม เสมอภาค และเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เครือฯ ส่งเสริมความหลากหลาย การอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและกลมเกลียว เพื่อเกื้อหนุนให้ทุกหน่วยธุรกิจดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างต่อเนื่องในทุกมิติของการดำเนินงาน

เป้าหมายและความคืบหน้า
ร้อยละ

ของทุกกลุ่มธุรกิจมีการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนขององค์กรและคู่ค้าโดยตรงที่มีความเสี่ยงสูงเป็นประจำ

ปี เป้าหมาย
2567 100%
2566 100%
2565 100%
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์มีส่วนช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของ Sustainable Development Goals จำนวน 6 เป้าหมายด้วยกัน
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการประเมินและจัดลำดับความสำคัญของผู้มีส่วนได้เสียเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินผลกระทบที่เรามีต่อผู้มีส่วนได้เสียและประเด็นใดที่ผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญและจะมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์และการดำเนินการของเราเมื่อเวลาผ่านไป ในปี 2567 ผลการประเมินพบว่าผลงานด้านสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงานสร้างผลกระทบโดยตรงต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้ง 5 กลุ่ม
เกษตรกร
ชุมชน และสังคม
คู่ค้าธุรกิจ
พนักงานและครอบครัว
ลูกค้า และผู้บริโภค
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ปี 2567
52 : 48
สัดส่วนพนักงานหญิงต่อพนักงานชาย
ร้อยละ
ของหน่วยธุรกิจได้รับการประเมิน ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน
คน
จำนวนพนักงานทั้งหมด

แนวทางบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชน

เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและมีห่วงโซ่คุณค่าที่ซับซ้อน และมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียที่หลากหลาย เราจึงตระหนักถึงความเสี่ยงและความท้าทายด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมกับสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน

เครือฯ ได้ประกาศใช้นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน และการปฏิบัติด้านแรงงาน รวมถึงนโยบายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น นโยบายความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกันนโยบายป้องกันการเลือกปฏิบัติ และการล่วงละเมิด และนโยบายการจ้างแรงงานข้ามชาติ นโยบายและแนวปฏิบัติเหล่านี้จะได้รับการทบทวนเป็นประจำทุกปี หรือเมื่อมีเหตุจำเป็น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้อกำหนดในนโยบายหรือแนวปฏิบัติยังมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และการดำเนินงานของเครือฯ รวมถึงส่งมอบคุณค่าเชิงบวกให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคณะทำงานจะนำเสนอการทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติให้แก่คณะกรรมการบริหารความยั่งยืน และคณะกรรมการบริหารได้รับทราบและอนุมัติ

แนวทางการบริหารจัดการของเครือฯ สอดคล้องกับหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) โดยสาระสำคัญของหลักการนี้อยู่บนเสาหลัก 3 ประการ ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจคือ เสาหลักที่ 2 และ 3

เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมสนับสนุนการดำเนินธุรกิจโดยเคารพสิทธิมนุษยชน แปลคู่มือสิทธิมนุษยชนสำหรับผู้บริหาร (CEO Guide to Human Rights) ของ World Business Council for Sustainable Development เป็นภาษาไทยเพื่อเผยแพร่แก่บริษัทในเครือ พันธมิตรทางธุรกิจร่วมถึงภาคธุรกิจเอกชนและผู้ที่สนใจทั่วไปได้รับทราบแนวทางการดำเนินธุรกิจโดยเคารพสิทธิมนุษยชนและสร้างประโยชน์ต่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรม

CEO Guide to Human Rights
โดยเครือฯ ได้ประยุกต์ใช้กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ดังนี้

การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

01
ความมุ่งมั่น

เครือเจริญโภคภัณฑ์มีนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหลายฉบับ เพื่อให้ทุกหน่วยธุรกิจและคู่ค้าสามารถปฏิบัติตาม เครือฯ มีคณะทำงานเฉพาะ เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงหรือข้อกำหนดทางกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับอย่างต่อเนื่อง จากนั้นนโยบายและแนวปฏิบัติของเครือฯ จะได้รับการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนมีบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบในการกลั่นกรองความเหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะเสนอต่อระดับคณะกรรมการบริหารเพื่อทำการรับรองในขั้นสุดท้าย แล้วจึงดำเนินการเผยแพร่

02
การปลูกฝังในองค์กร

เพื่อให้การดำเนินงานตามกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ทุกหน่วยธุรกิจต้องดำเนินการดังต่อไปนี้:

  • เป็นผู้นำตัวอย่าง: ผู้บริหารทุกคนต้องเป็นแบบอย่างให้กับพนักงาน
  • การกำหนดความรับผิดชอบ: ต้องแต่งตั้งบุคลากรที่รับผิดชอบเพื่อบริหารจัดการหัวข้อด้านสิทธิมนุษยชน
  • การฝึกอบรมบุคลากรหลัก: ต้องจัดให้มีการฝึกอบรมแก่บุคลากรที่รับผิดชอบ เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามีการดำเนินงานที่สอดคล้องและการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • การบูรณาการเข้ากับกระบวนการสรรหาบุคลากร: การบูรณาการหัวข้อสิทธิมนุษยชนเข้ากับกระบวนการสรรหาพนักงานและการประเมินผลการดำเนินงาน
  • การพัฒนาศักยภาพ: ทุกหน่วยธุรกิจต้องมีระบบและกระบวนการสร้างจิตสำนึกด้านสิทธิมนุษยชนให้กับพนักงานและผู้บริหารทุกระดับ
  • การพัฒนาสิ่งจูงใจ: ควรพิจารณาให้สิ่งจูงใจพิเศษแก่พนักงานทุกระดับ เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตามและป้องกันความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนทั่วทั้งองค์กร
03
การประเมินผลกระทบ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการทบทวนความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของเครือฯ ซึ่งครอบคลุมสถานประกอบการของเครือฯ คู่ค้า และกิจการร่วมค้า ในการดำเนินการนี้ เครือฯ จะพิจารณาผลกระทบต่อผู้ถือสิทธิ์ในห่วงโซ่คุณค่า ทบทวนการประเมินความเสี่ยงเป็นประจำทุกสามปี และกำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น

เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครอบคลุมในทุกกิจกรรมทางธุรกิจ ครอบคลุมการดำเนินงานของเครือฯ เอง ผู้รับเหมาและคู่ค้าลำดับแรก (Tier 1) และบริษัทร่วมตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา ได้มีการประเมินครบร้อยละ 100 ในทุกหมวดหมู่ และในกรณีที่พบความเสี่ยง ได้มีการดำเนินมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงครบร้อยละ 100 ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเครือฯ ในการเคารพสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตลอดห่วงโซ่คุณค่า

ร้อยละของกิจกรรมที่ได้รับการประเมินด้านสิทธิมนุษยชน

หมวดหมู่ / ขอบเขต ร้อยละของการประเมินทั้งหมดในช่วงสามปีที่ผ่านมา ร้อยละของการประเมินทั้งหมดที่พบความเสี่ยง ร้อยละของความเสี่ยงที่ได้ดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยง
การดำเนินงานของเครือฯ เอง (ร้อยละของสถานประกอบการ) 100 100 100
ผู้รับเหมาและคู่ค้าลำดับแรก (Tier 1) (ร้อยละของผู้รับเหมาและคู่ค้าลำดับแรก) 100 100 100
บริษัทร่วม (ร้อยละของบริษัทร่วม) 100 100 100

ในปี 2567 เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้วิเคราะห์ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับเครือฯ โดยคำนึงถึงบริบทของประเทศ อุตสาหกรรม และนานาชาติ ตลอดจนข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน

04
การทบทวนความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน 2567
05
การบูรณาการ

เมื่อความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนได้รับการระบุ หน่วยธุรกิจหรือคู่ค้าที่การดำเนินงานมีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนสูงหรือมีกิจกรรมทางธุรกิจที่สามารถนำไปสู่ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนจะต้องกำหนดและดำเนินการแก้ไขตามมาตรการป้องกัน แผนดังกล่าวจะต้องถูกบูรณาการเข้ากับการจัดการด้านสิทธิมนุษยชนขององค์กร เพื่อลดหรือขจัดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน

06
การติดตามเพื่อประเมินประสิทธิผล

การติดตามประสิทธิภาพของมาตรการแก้ไข กลไกบรรเทาผลกระทบ และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นมีความสำคัญ หน่วยธุรกิจต้องกำหนดดัชนีชี้วัดที่เหมาะสมทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ

07
การสื่อสารผลการดำเนินงาน

กระบวนการและผลจากการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านจะต้องมีการสื่อสารอย่างชัดเจนและโปร่งใสต่อสาธารณะ ต้องมีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายสำหรับผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่าง ๆ เนื้อหาที่ควรสื่อสาร ได้แก่ กลยุทธ์ เป้าหมาย แผนการดำเนินงานหรือการป้องกัน ผลลัพธ์ ความท้าทาย และการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป

08
การสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย

วัตถุประสงค์หลักของกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียคือการทำความเข้าใจการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสียที่มีต่อการจัดการสิทธิมนุษยชนในระดับหน่วยธุรกิจ และรับฟังปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพิ่มเติมที่อาจไม่ได้ถูกรวมอยู่ในกระบวนการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยนชน นอกจากนี้ เครือฯ ยังมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อประเมินประสิทธิผลของแผนการบรรเทาหรือป้องกันประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน

09
การเยียวยาและรับข้อร้องเรียน

โดยทั่วไปแล้ว การเยียวยาจะได้รับการดำเนินงานหลังจากเกิดผลข้างเคียง กระบวนการเยียวยาอย่างเป็นระบบควรได้รับการพิจารณาจากหน่วยธุรกิจ นอกจากนี้ ขั้นตอนสำคัญต่อไปนี้ควรถูกรวมไว้ในกระบวนการ: การพิจารณาผลกระทบที่รวมถึงผลกระทบทางการเงินและที่ไม่ใช่ทางการเงิน ระดับของผลกระทบ ความต้องการของผู้ได้รับผลกระทบ บริบทของท้องถิ่น กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และอื่น ๆ การเยียวยาที่เหมาะสม สมเหตุสมผล และไม่ขัดต่อกฎหมาย โดยในแต่ละขั้นตอนจะต้องได้รับการตรวจสอบทุกขั้นตอนอย่างถี่ถ้วนอย่างยุติธรรมและโปร่งใส จำเป็นต้องมีคณะกรรมการเพื่อดูแลแต่ละขั้นตอน และต้องรวมมุมมองของผู้เชี่ยวชาญไว้ในกระบวนการตัดสินใจ เมื่อพูดถึงสิทธิในที่ดินและสิทธิของชนพื้นเมือง หน่วยธุรกิจต้องระมัดระวังที่จะไม่พึ่งพาความคิดเห็นที่ออกโดยกฎหมายเพียงอย่างเดียว ควรดำเนินการวิจัยเพิ่มเติมโดยครอบคลุมถึงสิทธิทางสังคม กิจกรรมทางวัฒนธรรม สิทธิความเป็นพลเมือง และอื่น ๆ

ระบบการรับข้อร้องเรียนเป็นขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อการแก้ไขและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน หน่วยธุรกิจต้องมีกลไกการร้องทุกข์ที่เป็นระบบซึ่งสอดคล้องกับกรอบสากล รวมถึง

  1. การเข้าถึง - ซึ่งต้องเข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้
  2. ความสามารถในการใช้งาน
  3. ความโปร่งใสและตรวจสอบได้โดยบุคคลที่สามภายนอก และ
  4. ความเป็นกลางของคณะกรรมการและการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน หน่วยธุรกิจต้องรวมบุคคลที่สามในการหารือเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินและสิทธิของชนพื้นเมือง