การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน
เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างมีความรับผิดชอบ เป้าหมายของเราคือการรับรองความโปร่งใส ความยั่งยืน และมีหลักปฏิบัติทางจริยธรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือที่แข็งแกร่ง การยึดมั่นในมาตรฐานที่เข้มงวด และการจัดลำดับความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม เรามุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนที่เรามีการดำเนินงานและโลกที่เราอยู่ร่วมกัน
คู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงได้รับการตรวจประเมินด้านความยั่งยืน
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
การดำเนินงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบมีส่วนช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของ Sustainable Development Goals จำนวน 5 เป้าหมายด้วยกัน
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Sustainable Development Goals Report 2022

Stakeholders Directly Impacted
เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการประเมินและจัดลำดับความสำคัญผู้มีส่วนได้เสียเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินผลกระทบที่เรามีต่อผู้มีส่วนได้เสีย และประเด็นใดที่ผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญและจะมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์และการดำเนินการของเราเมื่อเวลาผ่านไป ในปี 2565 ผลการประเมินพบว่าความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมความร่วมมือที่แข็งแกร่ง การปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวด และการจัดลำดับความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม สร้างผลกระทบต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสี่กลุ่ม
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Stakeholder Engagement Report 2022
แนวทางการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้บูรณาการประเด็นด้านความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการจัดหา และดำเนินการภายใต้กรอบดำเนินงานการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ (Responsible Supply Chain Management Framework) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ คู่ค้าธุรกิจปฏิบัติตามคู่มือจรรยาบรรณของเครือฯ ที่ได้จัดทำไว้เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน
โดยจะนำมาซึ่งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทานและผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง และเพื่อให้เกิดการดำเนินการอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด รองรับธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่มีอยู่ทั่วโลก เครือฯ จึงได้พัฒนาเครื่องมือการตรวจประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนผ่านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อค้นหาโอกาสในการปรับปรุง และวางมาตรการจัดการเชิงรุกที่เป็นการผสานความร่วมมือระหว่างคู่ค้าธุรกิจและเครือเจริญโภคภัณฑ์
การประเมินคู่ค้า
เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะรักษาระดับความรับผิดชอบและความยั่งยืนสูงสุดในห่วงโซ่อุปทานของเรา การประเมินคู่ค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเครือฯ ในการรับประกันว่าพันธมิตรทางธุรกิจของเราทุกคนมีค่านิยมเดียวกันกับเครือฯ และมียึดมั่นในวัตถุประสงค์เเดียวกันในการสร้างความแตกต่างที่ดีให้แก่โลกของเรา เครือฯ ใช้ชุดเกณฑ์การประเมินคู่ค้าที่มความละเอียด ซึ่งรวมถึงการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และจริยธรรม เกณฑ์เหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มโอกาสของห่วงโซ่อุปทาน ความรับผิดชอบ และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
เราดำเนินการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของคู่ค้าอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพวกเขาจะมีความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับเครือฯ เราต้องการดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและการดูแลสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การจัดการทรัพยากรและประสิทธิภาพพลังงาน ไปจนถึงการลดของเสียและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ผลกระทบด้านสังคม
เราให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีและการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างยุติธรรม เราทำการตรวจสอบอย่างรอบด้าน เพื่อตรวจสอบว่าคู่ค้าของเราปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติด้านแรงงานที่เป็นธรรม ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงาน และเคารพสิทธิมนุษยชน เราส่งเสริมความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกในสถานที่ทำงานอย่างจริงจัง โดยจัดให้มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่เคารพ ยอมรับ และปกป้องสิทธิของทุกคน
การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม
การดำเนินงานกับคู่ค้าของเราเป็นไปตามข้อกำหนดของการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม เครือฯ ทำการวิเคราะห์คู่ค้ารายใหม่อย่างรอบด้าน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการดำเนินงานของคู่ค้าเป็นไปตามมาตรฐานด้านจริยธรรมสูงสุด นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้คาดหวังให้คู่ค้าของเราดำเนนธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ความร่วมมือและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การประเมินคู่ค้าของเรา เป็นแนวทางที่จะนำไปสู่ความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่กิจกรรมที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ที่ผ่านมา เราทำงานร่วมกับคู่ค้า ผ่านการให้คำแนะนำและสนับสนุน เพื่อช่วยให้พวกเขาปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เราสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้คู่ค้ารู้สึกว่าได้รับแรงบรรดาลใจในการปรับปรุงโครงการด้านห่วงโซ่อุปทานที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งเราดำเนินงานผ่านการสื่อสารแบบเปิดและการทำงานร่วมกัน
ความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
สำหรับเครือฯ ความโปร่งใสเปรียบเสมือนการสร้างความเชื่อมั่นและความรับผิดชอบ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เครือฯ รักษาการติดต่อที่โปร่งใสและเปิดเผยกับคู่ค้าผ่านกระบวนการประเมินคู่ค้า ซึ่งได้รวมถึงการสื่อสารความคาดหวัง และข้อกำหนดของเครือฯ ให้คู่ค้าได้รับทราบ เครือฯ มุ่งดำเนินงานตามมาตรฐานระดับสูงเช่นเดียวกับที่เราคาดหวังให้คู่ค้าของเราดำเนินตาม
การสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
เครือฯ มีความตั้งใจที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่อุตสาหกรรมที่เราดำเนินการ โดยสร้างการมีส่วนร่วมกับคู่ค้าที่มีความรับผิดชอบ กระบวนการประเมินคู่ค้าของเราไม่เพียงแต่รับประกันการปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากนี้ เครือฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างมีความรับผิดชอบ ผ่านการดำเนินงานด้านการประเมินคู่ค้า ซึ่งเราตระหนักดีว่าการร่วมมือกับองค์กรที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนและหลักปฏิบัติด้านจริยธรรมที่เหมือนกัน เราจะสามารถร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนให้กับโลก
การให้ความสำคัญต่อประเด็นด้าน ESG
คู่ค้ารายใหม่และที่ดำเนินการอยู่จะต้องผ่านการประเมินเป็นประจำ ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้จัดให้มีเกณฑ์การประเมินที่มีความจำเพาะสำหรับคู่ค้ารายใหม่และที่ดำเนินการอยู่ สำหรับการประเมินคู่ค้ารายใหม่ ประเด็นด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ ราคา การขนส่ง และความยั่งยืนมีความสำคัญ
ซึ่งเครือฯ ได้มีการถ่วงน้ำหนักให้กับเกณฑ์แต่ละข้อเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดจะถูกส่งมายังเครือฯ ลูกค้าและผู้บริโภค เนื่องจากเครือฯ ให้ความสำคัญกับแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและสนับสนุนให้คู่ค้าของเราทำเช่นเดียวกัน การถ่วงน้ำหนักสำหรับเกณฑ์ด้านความยั่งยืนจึงมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 30 ของคะแนนการประเมินทั้งหมด ในขณะเดียวกัน คู่ค้าที่มการดำเนินการอยู่จะต้องได้รับการประเมินทุกปี เพื่อตรวจสอบความสามารถและการปฏิบัติงานของตนโดยเทียบกับสัญญาและจรรยาบรรณธุรกิจของคู่ค้า การถ่วงน้ำหนักสำหรับเกณฑ์ความยั่งยืน เช่น การถ่วงน้ำหนักสำหรับการประเมินคู่ค้ารายใหม่มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 30 ของคะแนนการประเมินทั้งหมด
กระบวนการคัดกรองคู่ค้า

เนื่องจากเครือฯ มีการดำเนินงานกับคู่ค้าที่หลากหลาย ดังนั้น เครือฯ จึงมีความจำเป็นในการดำเนินงานตามแนวทางการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างมีความรับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นไปที่คู่ค้ารายสำคัญ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างคู่ค้าที่มีความสำคัญและคู่ค้าที่มีความเสี่ยงด้านความยั่งยืนสูง
เกณฑ์ต่อไปนี้ใช้ในการจำแนกคู่ค้าที่มีความสำคัญ: 1) มูลค่าการจัดซื้อสูง; 2) คู่ค้าที่มีวัตถุดิบ/ส่วนประกอบที่สำคัญ; และ 3) คู่ค้าที่มีวัตถุดิบ/ส่วนประกอบที่ไม่สามารถทดแทนได้ หรือคู่ค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของเครือฯ ได้ นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้จำแนกคู่ค้าที่มีความเสี่ยงด้านความยั่งยืนสูงโดยการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานโดยใช้เกณฑ์การประเมินในสองมิติ: ความรุนแรงของผลกระทบ และความเป็นไปได้ของความเสี่ยง องค์ประกอบความเสี่ยงต่อไปนี้ถูกรวมอยู่ในการประเมิน: 1) ข่าว; 2) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา 3) ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเทศ ภาคส่วน และสินค้าโภคภัณฑ์ และ 4) แนวโน้มความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
การประเมินความเสี่ยงของเครือฯ ครอบคลุมวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ และผู้ให้บริการ และไม่ได้จำกัดอยู่เพียงคู่ค้าลำดับที่ 1 (ผู้ที่มีการเชื่อมต่อโดยตรงกับเครือฯ) แต่ยังรวมถึงคู่ค้าลำดับถัดไปด้วย ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แนวปฏิบัติการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ
การประเมินความเท่าเทียมทางเพศของคู่ค้า
ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ เราเชื่อว่าการเพิ่มขีดความสามารถให้กับทุกเพศไม่ได้เป็นเพียงความจำเป็นทางศีลธรรม แต่ยังเป็นความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ด้วยการบูรณาการการประเมินความเท่าเทียมทางเพศเข้ากับการจัดการห่วงโซ่อุปทานของเรา เราคาดหวังที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตของพนักงาน คู่ค้า และชุมชนของเรา ขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและที่มีความยั่งยืน
ผลการประเมินที่รวมประเด็นด้าน ESG, ความเท่าเทียมทางเพศ และการดำเนินงานตามข้อกำหนด
ตัวอย่างความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการประเมินด้านความยั่งยืน |
|
---|---|
ประเด็นความเสี่ยง |
แนวทางการจัดการ |
มิติด้านสิ่งแวดล้อม | |
การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม | จัดทำกระบวนการระบุประเด็นและผลกระทบรวมถึงการกำหนดมาตรการ |
การควบคุมมลพิษ | จัดทำแผนควบคุมมลพิษในด้านที่เกี่ยวข้องและติดตามตามช่วงเวลาที่เหมาะสม |
การจัดการบำบัดน้ำเสียตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม | แจ้งการจดทะเบียนต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและการขออนุญาตตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม |
มิติด้านสังคม | |
สัญญาการจ้างงาน | จัดทำสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษรในภาษาที่พนักงานสามารถเข้าใจได้ |
การตรวจสุขภาพพนักงานตามปัจจัยเสี่ยง | กำหนดแนวทางการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงและตรวจสุขภาพพนักงาน |
การลงทะเบียนบุคลากรที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัย อาชีวอนมัย และสิ่งแวดล้อมในระดับบริหาร ระดับหัวหน้างาน ฯลฯ | แต่งตั้งบุคลากรระดับต่าง ๆ และฝึกอบรมก่อนแจ้งขึ้นทะเบียนกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน |
มิติด้านการกำกับดูแล | |
การจัดอบรมตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การดับเพลิง การฝึกซ้อมดับเพลิง และสารเคมีรั่วไหล | จัดทำแผนการฝึกอบรมประจำปีและจัดทำรายงานสรุปการฝึกอบรม |
แก้ไขการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ | แต่งตั้งผู้รับผิดชอบและจัดทำทะเบียนกฎหมายและทบทวนการเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่าง ๆ |
การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล | กำหนดโครงสร้างและกระบวนการที่เป็นระบบพร้อมสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทั้งหมด |
โครงการการพัฒนาคู่ค้า
เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถของคู่ค้าของเราในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางปฏิบัติในการผลิตที่ปลอดภัยและยั่งยืน ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำได้ผ่านระบบการจัดการที่ก่อให้เกิดการวางแผนที่เหมาะสมและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ และสนับสนุนการตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าและความสามารถของคู่ค้า เพื่อให้บรรลุการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน
การเพิ่มมูลค่า
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์
- การเพิ่มประสิทธิภาพ
- การใช้เครื่องมือด้านเกษตรกรรม
- การระบุปัจจัยการผลิตโดยใช้หลักการทางทฤษฎี
ความร่วมมือ
- การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้
- การเข้าร่วมกับภาครัฐ
- การแบ่งปันประสบการณ์และการปฏิบัติงานที่ดี
- การสร้างเครือข่ายการแบ่งปันอุปกรณ์การเกษตรเพื่อลดต้นทุน
การแบ่งปันความรู้
- ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
- การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ด้านความปลอดภัยของอาหาร
- ด้านความยั่งยืน
ระบบการจัดการ
- แนวปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP)
- แนวทางปฏิบัติที่ดีในการผลิต (GMP) สำหรับอาหาร
- ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ
การเงิน การตลาด และเทคโนโลยี
- การวางแผนการผลิตตามความต้องการของตลาด
- การตั้งราคาที่ยุติธรรม
- การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล
- การปฏิบัติตามมาตรฐานสากล
ตัวอย่างการพัฒนาคู่ค้า
การส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเพื่อการเลี้ยงสัตว์ในเขตชลประทาน CLMVT
เผยแพร่องค์ความรู้ด้านการจัดการเกษตรผสมผสาน
การขาดความรู้ที่เหมาะสมเกี่ยวกับการเกษตรผสมผสานและปัจจัยการผลิตทางการเกษตร รวมถึงข้อจำกัดของเทคโนโลยีด้านการเกษตรสมัยใหม่ เป็นประเด็นหลักของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของชาวนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกษตรกรที่ปรับตัวเข้ากับทางเลือกในการปลูกพืชชนิดอื่นแทนการปลูกข้าวนอกฤดู ซึ่งก่อนหน้านี้เกษตรกรจะปลูกข้าวนอกฤดู แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากภัยแล้งหรือทรัพยากรน้ำไม่เพียงพอก็ตาม กลุ่มธุรกิจบูรณาการพืชผล (ข้าวโพด) ตระหนักถึงปัญหานี้จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาพบว่าการปลูกข้าวโพดเพื่อเป็นอาหารสัตว์ในช่วงฤดูแล้งหลังการเก็บเกี่ยวข้าวจะทำให้เกษตรกรได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเนื่องจากข้าวโพดใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกข้าวนาปรังสองถึงสามเท่า นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นรูปแบบการจัดการการเกษตรแบบ B2C กลุ่มธุรกิจบูรณาการพืชผล (ข้าวโพด) ยังเผยแพร่ความรู้และส่งเสริมปัจจัยการผลิตทางการเกษตรประเภทต่างๆ โดยให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เช่น การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับสภาพพื้นที่มากที่สุด วิเคราะห์ธาตุอาหารในดินเพื่อแนะนำปุ๋ยชนิดที่เหมาะสม การใช้เครื่องจักรจากเครือข่ายเกษตรกรในการหว่าน/ไถ การระบุแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และการดูแลต้นไม้นานาพันธุ์ โดยรวมแล้ว การสนับสนุนนี้ครอบคลุมขั้นตอนการเพาะปลูกไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม

ที่เข้าร่วมโครงการ

ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ