เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านการดูแลจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนทั่วทั้งองค์กร

โดยให้ความสำคัญกับการลดปริมาณการใช้น้ำ การนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ และการรีไซเคิลน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เครือฯ ยังมีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ร่วมกับชุมชน เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้น้ำอย่างรับผิดชอบ ตลอดจนร่วมปกป้องและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในระยะยาว

เป้าหมายและความคืบหน้า
ร้อยละ

ลดปริมาณการนำน้ำมาใช้ต่อหน่วยรายได้เทียบกับปีฐาน 2563

ปี เป้าหมาย
2567 100%
2566 100%
2565 100%
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
การดำเนินงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในด้านการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำมีส่วนช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของ Sustainable Development Goals จำนวน 2 เป้าหมายด้วยกัน
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการประเมินและจัดลำดับความสำคัญผู้มีส่วนได้เสียเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินผลกระทบที่เรามีต่อผู้มีส่วนได้เสีย และประเด็นใดที่ผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญและจะมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์และการดำเนินการของเราเมื่อเวลาผ่านไป ในปี 2567 ผลการประเมินพบว่าความมุ่งมั่นในการปกป้องทรัพยากรน้ำสร้างผลกระทบโดยตรงต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้ง 5 กลุ่ม
เกษตรกร
ชุมชน และสังคม
คู่ค้าธุรกิจ
ภาครัฐ
พนักงานและครอบครัว
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ปี 2567
ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ต่อหน่วยรายได้
ลูกบาศก์เมตรต่อล้านบาท
ปริมาณนํ้าที่นำกลับมาใช้ใหม่/ใช้ซ้ำ
ล้านลูกบาศก์เมตร
ลดปริมาณการนำน้ำมาใช้ต่อหน่วยรายได้ เทียบกับปีฐาน 2563 อยู่ที่
ร้อยละ
เครือฯ คว้าผลการประเมินระดับ A- ประจำปี
2567 จาก CDP Water Security

แนวทางการบริหารจัดการด้านการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำ

แนวทางการบริหารจัดการน้ำของเครือเจริญโภคภัณฑ์มีรากฐานมาจากค่านิยมหลักและวัฒนธรรมองค์กรของบริษัท

เราให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำอย่างรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจและห่วงโซ่อุปทาน แนวทางการบริหารจัดการน้ำเริ่มต้นด้วยการประเมินความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างละเอียด การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลก และการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดเพื่อปกป้องคุณภาพน้ำ ประสิทธิภาพและการอนุรักษ์น้ำเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีความสำคัญต่อเครือฯ เราลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อลดการใช้น้ำในขณะที่ยังคงรักษาระดับการผลิตในระดับสูง ความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นหัวใจสำคัญของแนวทางการบริหารจัดการน้ำ เรามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเจรจาและความร่วมมือเพื่อจัดการกับความท้าทายด้านน้ำร่วมกันและร่วมสร้างแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน

การประเมินความเสี่ยงด้านน้ำแบบบูรณาการ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้พัฒนากรอบการดำเนินงานเกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อนำไปใช้กับ ทุกหน่วยงานในทุกกลุ่มธุรกิจของเครือฯ

การจัดทำการประเมินจะคำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านปริมาณน้ำที่นำมาใช้ของแต่ละหน่วยงานและด้านความเครียดน้ำ (Baseline water stress) โดยใช้เครื่องมือ Aqueduct Water Risk Atlas ของ World Resources Institute (WRI) ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จากนั้นจะนำผลการประเมินมาจัดระดับตามความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ 3 ระดับเพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการด้านน้ำต่อไป

กรอบการดำเนินงานในการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ

ความเครียดน้ำ ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ ความเสี่ยงด้านน้ำ
ระดับต่ำ - ปานกลาง + ปริมาณน้อย-ปานกลาง ระดับต่ำ
+ ปริมาณมาก ระดับปานกลาง
ระดับสูง - สูงมาก + ปริมาณน้อย ระดับต่ำ
+ ปริมาณปานกลาง ระดับปานกลาง
+ ปริมาณมาก ระดับสูง
แผนบริหารจัดการด้านน้ำ
ความเสี่ยงด้านน้ำระดับต่ำ
  • ติดตามปริมาณน้ำที่นํามาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง
ความเสี่ยงด้านน้ำระดับต่ำ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำตามหลักการ 5RS
  • ติดตามปริมาณน้ำที่นํามาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง
ความเสี่ยงด้านน้ำระดับต่ำ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำตามหลักการ 5RS
  • ติดตามปริมาณน้ำที่นํามาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง
  • ประเมินความเสี่ยงระดับพื้นที่โดยใช้ Local Water Tool
  • ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำให้กับคู่ค้ารายสําคัญ

จำนวนพื้นที่ปฏิบัติงานของเครือฯ ตามระดับความเสี่ยงด้านน้ำ

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก

เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น โดยให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำอย่างสม่ำเสมอในทุกพื้นที่ปฏิบัติงาน

พื้นที่ปฏิบัติงานทั่วโลก
18,536

ผลการประเมินล่าสุดชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของเครือฯ ยังคงอยู่ในระดับความเสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม เครือฯ ได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ โดยพัฒนาแผนการจัดการน้ำเฉพาะพื้นที่ สนับสนุนการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ และส่งเสริมให้โรงงานใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่าและรอบคอบมากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากการจัดการภายในองค์กรแล้ว เครือฯ ยังริเริ่มการประเมินผลกระทบทางธรรมชาติในมิติต่าง ๆ ทั้งระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยนำแนวทางจากกรอบการประเมินระดับสากลมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเราครอบคลุมมิติเชิงพื้นที่และเป็นมิตรกับธรรมชาติในระยะยาว

เครือเจริญโภคภัณฑ์ร่วมกับบริษัท Keystone จัดทำโครงการศึกษานำร่องในการประเมินความเสี่่ยงและโอกาสทางธุรกิจแบบ TNFD LEAP ด้านความหลากหลายทางชีวภาพในระดับพื้นที่ปฏิบัติงาน (Site-specific Assessment) ซึ่งทรัพยากรน้ำถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมิน โดยมีแนวทางการประเมินและสรุปผลโดยย่อ ดังนี้

L
Locate
Interface with Nature
1. ฟาร์มไก่
2. ฟาร์มหมู
3. ฟาร์มไก่
4. ฟาร์มหมู
5. ฟาร์มเกษตร (ข้าว ข้าวโพด และถั่วเหลือง)
E
Evaluate
Dependencies & Impacts

ดำเนินการประเมินการพึ่งพาและผลกระทบของแต่ละพื้นที่ ซึ่งพบว่าฟาร์มไก่ ฟาร์มหมู และฟาร์มเกษตรมีการพึ่งพาการใช้ทรัพยากรน้ำในการเลี้ยงสัตว์ที่สูงมาก อันก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของแหล่งน้ำจืดจากการผันน้ำ และสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของสายพันธุ์ ในขณะเดียวกัน ฟาร์มไก่ในบังกลาเทศยังพบมลพิษทางน้ำ ซึ่งทำให้คุณภาพน้ำลดลง

A
Assess
Material Risks & Opportunity

ดำเนินการประเมินความเสี่ยงของการพึ่งพาที่ได้ถูกระบุ พร้อมกำหนดแผนการบรรเทาผลกระทบ สำหรับประเด็นการพึ่งพาการใช้ทรัพยากรน้ำในการเลี้ยงสัตว์นั้น พื้นที่ที่พบความเสี่ยงมีการอนุรักษ์และลดการใช้น้ำสอดคล้องกับเป้าหมายการลดน้ำของเครือฯ สำหรับการบรรเทาประเด็นด้านมลพิษทางน้ำ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงมีการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการฟื้นฟูทางชีวภาพ

P
Prepare
To Respond & Report

กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายกรอบความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลก ได้แก่ ลดการนำน้ำมาใช้ร้อยละ 20 ต่อรายได้เทียบกับปีฐาน 2563 และนำนโยบายการจัดการควบคุมศัตรูพืชแบบไม่ใช้สารเคมีมาใช้ในฟาร์มที่เป็นเจ้าของทั้งหมดหากเป็นไปได้ ลดความเสี่ยงจากสารกำจัดศัตรูพืชลงร้อยละ 50

การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบหมุนเวียน

เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินงานด้านการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำตามแนวทางของโครงการ CEO Water Mandate ภายใต้ UN Global Compact ซึ่งเครือฯได้มีการประยุกต์แนวคิดการจัดการน้ำแบบหมุนเวียน (Circular Water Management) ตามหลักการ 5Rs (Reduce, Reuse, Recycle, Restore และ Recover)

โดย WBCSD (The World Business Council for Sustainable Development) มาใช้ในการบริหารจัดการการใช้น้ำภายในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรน้ำผ่านการดำเนินการต่าง ๆ สามารถนำน้ำมาใช้ซ้ำหรือนำกลับมาใช้ใหม่ รวมทั้งให้ความสำคัญในกระบวนการบำบัดน้ำเสียก่อนส่งคืนน้ำออกสู่ภายนอกองค์กรและแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยคุณภาพน้ำต้องได้มาตรฐานหรือดีกว่ามาตรฐานตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ

การบริหารจัดการน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติขององค์กร

การปล่อยน้ำเสียที่ยังไม่ได้รับการบำบัดลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ จะส่งผลกระทบเชิงลบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมในการทำลายสิ่งมีชีวิตและพันธุ์พืชในน้ำ ด้านสุขภาพของมนุษย์จากการเป็นแหล่งก่อให้เกิดเชื้อโรคและมลพิษทางน้ำ รวมถึงทำลายแหล่งน้ำที่มนุษย์ใช้เพื่ออุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน

เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักดีถึงการดำเนินธุรกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพแหล่งน้ำ จึงมีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการน้ำเสียและตรวจสอบคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ

การฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการน้ำ

เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เครือฯ ได้มีการสื่อสารกับพนักงาน ซัพพลายเออร์ พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสม่ำเสมอ

เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับประเด็นการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้พัฒนาสื่อการศึกษาออนไลน์ที่ครอบคลุมการจัดการประสิทธิภาพการใช้น้ำ การประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ การลดการใช้น้ำในกระบวนการดำเนินงาน การบำบัดน้ำเสีย และการช่วยเหลือชุมชนในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ อีกทั้ง เครือฯ ยังได้จัดอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการจัดการน้ำและสมดุลน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนแนวปฏิบัติในการจัดการน้ำอย่างถูกต้อง และพัฒนาแนวทางสำหรับการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่/การรีไซเคิลน้ำ การฝึกอบรมนี้จัดให้กับคณะกรรมการบริหารจัดการคุณภาพน้ำรีไซเคิล ผู้จัดการฟาร์ม/โรงงาน และพนักงานที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลการจัดการทรัพยากรน้ำปี 2567

ปริมาณน้ำใช้
ล้านลูกบาศก์เมตร
ปริมาณน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่/ใช้ซ้ำ
ล้านลูกบาศก์เมตร
คิดเป็นร้อยละ
คุณภาพน้ำทิ้ง ค่า BOD
มิลลิกรัม/ลิตร
ค่า COD
มิลลิกรัม/ลิตร
ปริมาณน้ำที่นำมาใช้
ล้านลูกบาศก์เมตร
น้ำจืด
น้ำอื่น ๆ
ประเภท ข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำ
น้ำจืด 63%
น้ำอื่น ๆ 37%

TDS (Total Dissolved Solids) = ปริมาณของแข็ง สารอนินทรีย์และสารอินทรีย์ทั้งหมดที่ละลายอยู่ในน้ำ

ปริมาณน้ำที่ปล่อยสู่ภายนอก
ล้านลูกบาศก์เมตร
น้ำจืด
น้ำอื่น ๆ
ประเภท ข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำ
น้ำจืด 61%
น้ำอื่น ๆ 39%

TDS (Total Dissolved Solids) = ปริมาณของแข็ง สารอนินทรีย์และสารอินทรีย์ทั้งหมดที่ละลายอยู่ในน้ำ

ปริมาณน้ำที่นำมาใช้แบ่งตามแหล่งน้ำ
(ล้านลูกบาศก์เมตร)
สัดส่วนน้ำที่อยู่ในพื้นที่ความเครียดน้ำ
415 ล้านลูกบาศก์เมตร

* หน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ที่ความเครียดน้ำระดับสูงและสูงมากตาม Aqueduct Water Risk Atlas

หน่วย: ล้านลูกบาศก์เมตร

หน่วย: ล้านลูกบาศก์เมตร

ปริมาณน้ำที่ไม่อยู่ใน
พื้นที่ความเครียดน้ำ
ปริมาณน้ำที่อยู่ใน
พื้นที่ความเครียดน้ำ
น้ำผิวดิน 114 30
น้ำทะเล 102 7
น้ำใต้ดิน 37 52
น้ำจากผู้ผลิตภายนอก 28 24
น้ำฝน 2 19
ปริมาณน้ำที่ปล่อยสู่ภายนอกแบ่งตามแหล่งน้ำ
(ล้านลูกบาศก์เมตร)
สัดส่วนน้ำที่อยู่ในพื้นที่ความเครียดน้ำ
612 ล้านลูกบาศก์เมตร

* หน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ที่ความเครียดน้ำระดับสูงและสูงมากตาม Aqueduct Water Risk Atlas

หน่วย: ล้านลูกบาศก์เมตร

หน่วย: ล้านลูกบาศก์เมตร

ปริมาณน้ำที่ไม่อยู่ใน
พื้นที่ความเครียดน้ำ
ปริมาณน้ำที่อยู่ใน
พื้นที่ความเครียดน้ำ
แหล่งน้ำผิวดิน 30 33
ทะเล 83 0
นำไปใช้ที่อื่นนอกองค์กร 12 4
ปริมาณน้ำที่นำมาใช้
ปริมาณน้ำที่ปล่อยสู่ภายนอก
(ล้านลูกบาศก์เมตร)
ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ที่อยู่ในพื้นที่ความเครียดน้ำ
ปริมาณน้ำที่น่ากลับมาใช้ใหม่/ใช้ซ้ำ
คุณภาพน้ำทิ้ง – ค่า BOD (Biological Oxygen Demand)
(มิลลิกรัม/ลิตร)

ค่าเฉลี่ย COD ของเครือฯ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานการควบคุมระบายน้ำทิ้งของแต่ละประเทศ

คุณภาพน้ำทิ้ง – ค่า COD (Chemical Oxygen Demand)
(มิลลิกรัม/ลิตร)

ค่าเฉลี่ย COD ของเครือฯ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานการควบคุมระบายน้ำทิ้งของแต่ละประเทศ