เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านการดูแลน้ำทั่วทั้งองค์กร เพื่อให้บรรลุการจัดการและการอนุรักษ์น้ำอย่างยั่งยืน เครือฯจึงไปที่การลดการใช้น้ำ การรีไซเคิลน้ำและการใช้ซ้ำ และมีส่วนร่วมในโครงการกับชุมชนเพื่อสร้างความมั่นใจด้านการใช้น้ำอย่างรับผิดชอบและการปกป้องทรัพยากรน้ำ

นำน้ำมาใช้ต่อหน่วยรายได้ร้อยละ 20 เทียบกับปีฐาน 2563

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

การดำเนินงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในด้านการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำมีส่วนช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของ Sustainable Development Goals จำนวน 2 เป้าหมายด้วยกัน


สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Sustainable Development Goals Report 2022

Stakeholders Directly Impacted

เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการประเมินและจัดลำดับความสำคัญผู้มีส่วนได้เสียเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินผลกระทบที่เรามีต่อผู้มีส่วนได้เสีย และประเด็นใดที่ผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญและจะมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์และการดำเนินการของเราเมื่อเวลาผ่านไป ในปี 2565 ผลการประเมินพบว่าความมุ่งมั่นในการปกป้องทรัพยากรน้ำสร้างผลกระทบโดยตรงต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้ง 5 กลุ่ม


สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Stakeholder Engagement Report 2022

Our Impact by the Numbers

ปริมาณน้ำที่่นำมาใช้

ลูกบาศก์เมตรต่อล้านบาท

สามารถลดปริมาณการนำน้ำมาใช้ต่อหน่วยรายได้

ร้อยละ เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563

ปริมาณน้ำที่่นำกลับมาใช้ใหม่ / ใช้ซ้ำ

ล้านลูกบาศก์เมตร

นำน้ำกลับมาใช้ใหม่/ใช้ซ้ำ

ร้อยละ

แนวทางการบริหารจัดการด้านการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำ

แนวทางการบริหารจัดการน้ำของเครือเจริญโภคภัณฑ์มีรากฐานมาจากค่านิยมหลักและวัฒนธรรมองค์กรของบริษัท เราให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำอย่างรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจและห่วงโซ่อุปทาน แนวทางการบริหารจัดการน้ำเริ่มต้นด้วยการประเมินความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างละเอียด การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลก และการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดเพื่อปกป้องคุณภาพน้ำ ประสิทธิภาพและการอนุรักษ์น้ำเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีความสำคัญต่อเครือฯ เราลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อลดการใช้น้ำในขณะที่ยังคงรักษาระดับการผลิตในระดับสูง ความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นหัวใจสำคัญของแนวทางการบริหารจัดการน้ำ เรามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเจรจาและความร่วมมือเพื่อจัดการกับความท้าทายด้านน้ำร่วมกันและร่วมสร้างแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน

การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบหมุนเวียน

เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินงานด้านการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำตามแนวทางของโครงการ CEO Water Mandate ภายใต้ UN Global Compact ซึ่งเครือฯได้มีการประยุกต์แนวคิดการจัดการน้ำแบบหมุนเวียน (Circular Water Management) ตามหลักการ 5Rs (Reduce, Reuse, Recycle, Restore และ Recover) โดย WBCSD (The World Business Council for Sustainable Development) มาใช้ในการบริหารจัดการการใช้น้ำภายในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรน้ำผ่านการดำเนินการต่างๆ สามารถนำน้ำมาใช้ซ้ำหรือนำกลับมาใช้ใหม่ รวมทั้งให้ความสำคัญในกระบวนการบำบัดน้ำเสียก่อนส่งคืนน้ำออกสู่ภายนอกองค์กรและแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยคุณภาพน้ำต้องได้มาตรฐานหรือดีกว่ามาตรฐานตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ

ข้อมูลการจัดการทรัพยากรน้ำปี 2565

ปริมาณน้ำที่นำมาใช้

ล้านลูกบาศก์เมตร

%

น้ำจืด

%

น้ำอื่นๆ

ปริมาณน้ำใช้

ล้านลูกบาศก์เมตร

%

น้ำจืด

%

น้ำอื่นๆ

ปริมาณน้ำที่ปล่อยสู่ภายนอก

ล้านลูกบาศก์เมตร

%

น้ำจืด

%

น้ำอื่นๆ

น้ำจืด TDS ≤ 1,000 mg/L

น้ำอื่นๆ TDS > 1,000 mg/L

ปริมาณน้ำที่นำมาใช้แบ่งตามแหล่งน้ำ

ล้านลูกบาศก์เมตร

สัดส่วนน้ำที่อยู่ในพื้นที่ความเครียดน้ำ

* หน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ความเครียดน้ำระดับสูงและสูงมากตาม Aqueduct Water Risk Atlas

ปริมาณน้ำที่ปล่อยสู่ภายนอกแบ่งตามแหล่งน้ำ

ล้านลูกบาศก์เมตร

สัดส่วนน้ำที่อยู่ในพื้นที่ความเครียดน้ำ

* หน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ความเครียดน้ำระดับสูงและสูงมากตาม Aqueduct Water Risk Atlas

ปริมาณน้ำที่นำมาใช้

ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ที่อยู่ในพื้นที่ความเครียดน้ำ

ปริมาณน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่/ใช้ซ้ำ

ปริมาณน้ำที่ปล่อยสู่ภายนอก

การลดการใช้น้ำทั้งหมด

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการดูแลน้ำปี 2573 เครือฯ ต้องลดการใช้น้ำร้อยละ 20 ต่อหน่วยรายได้ เครือฯ มีเป้าหมายภายในที่จะลดการนำมาใช่อย่างน้อยร้อยละ 3 สะสมทุกปี เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563

ในปี 2565 ปริมาณการใช้น้ำทั้งหมดโดยรวมลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563

คุณภาพน้ำที่ปล่อยสู่ภายนอก

BOD (Biological Oxygen Demand)

Mg/L

ไนโตรเจนทั้งหมด

Mg/L

* ค่า BOD และไนโตรเจนทั้งหมดคำนวณจากค่าเฉลี่ยในทุกหน่วยธุรกิจ

การประเมินความเสี่ยงด้านน้ำแบบบูรณาการ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้พัฒนากรอบการดำเนินงานเกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อนำไปใช้กับ ทุกหน่วยงานในทุกกลุ่มธุรกิจของเครือฯ การจัดทำการประเมินจะคำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงในหลายๆด้าน ทั้งด้านปริมาณน้ำที่นำมาใช้ของแต่ละหน่วยงานและด้านความเครียดน้ำ (Baseline water stress) โดยใช้เครื่องมือ Aqueduct Water Risk Atlas ของ World Resources Institute (WRI) ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จากนั้นจะนำผลการประเมินมาจัดระดับตามความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ 3 ระดับเพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการด้านน้ำต่อไป

กรอบการดำเนินงานในการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ

ความเครียดนํ้า ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ ความเสี่ยงด้านน้ำ

ระดับต่ำ - ปานกลาง

+
ปริมาณน้อย-ปานกลาง

ระดับต่ำ

+
ปริมาณมาก

ระดับปานกลาง

ระดับสูง - สูงมาก

+
ปริมาณน้อย

ระดับต่ำ

+
ปริมาณปานกลาง

ระดับปานกลาง

+
ปริมาณมาก

ระดับสูง

แผนบริหารจัดการด้านน้ำ

ความเสี่ยงด้านน้ำระดับต่ำ

  • ติดตามปริมาณน้ำที่นํามาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง

ความเสี่ยงด้านน้ำระดับปานกลาง

  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ําตามหลักการ 5RS
  • ติดตามปริมาณน้ำที่นํามาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง

ความเสี่ยงด้านนํ้าระดับสูง

  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ําตามหลักการ 5RS
  • ติดตามปริมาณน้ำที่นํามาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง
  • ประเมินความเสี่ยงระดับพื้นที่โดยใช้ Local Water Tool
  • ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำให้กับคู่ค้ารายสําคัญ

ในปี 2565 ได้มีการทบทวนการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำให้กับทุกหน่วยงานการผลิตของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ทำให้สามารถระบุหน่วยงานการผลิตที่มีระดับความเสี่ยงด้านน้ำสูงได้้ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 1 ของทั้งหมด โดยเครือฯ ได้มุ่งเน้นในการส่งเสริมให้มีการดำเนินงานตามแผนบริหารจัดการด้านน้ำอย่างเข้มข้น และมีการติดตามผลการลดการใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่การผลิตของเครือ ฯ ที่มีความเสี่ยงด้านน้ำระดับสูง (จำแนกตามภูมิศาสตร์)

การดำเนินงานด้านการบริหารจัดการน้ำของคู่ค้า

เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความมุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารจัดการด้านน้ำ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน เครือฯ จึงได้พัฒนาแนวทางการบริหารจัดการด้านน้ำของคู่ค้าซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญต่อธุรกิจ เพื่อส่งเสริมให้คู่ค้ามีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธภาพ ลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำร่วมกันรณรงค์และอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้คงอยู่ต่อไป

ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ

จัดทำการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำให้กับคู่ค้า เพื่อจัดกลุ่มตามระดับความเครียดน้ำ (Water Stress) โดยใช้เครื่องมือที่เชื่อถือได้ระดับสากล

ระบบการบริหารจัดการด้านน้ำ

ร่วมมือกับคู่ค้าในการจัดทำแผนการบริหารจัดการด้านน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ตรวจประเมินคู่ค้าด้านการบริหารจัดการน้ำ

เข้าร่วมประเมินและตรวจสอบระบบบริหารจัดการน้ำของคู่ค้า รวมถึงเรื่องการบำบัดน้ำเสียและคุณภาพน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐาน

ส่งเสริมกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ

ร่วมกับคู่ค้าในการส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ เพื่อรณรงค์เรื่องการใช้น้ำอย่างประหยัด ให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ทุกคนถึงความสำคัญในการช่วยกันอนุรักษ์น้ำ

การบริหารจัดการด้านน้ำของชุมชน

น้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มความมั่นคงทางน้ำและความยืดหยุ่นในสถานที่ที่เราดำเนินการผ่านโครงการริเริ่มการจัดการน้ำเพื่อชุมชน เรามุ่งมั่นที่จะจัดการกับข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ส่งเสริมการเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขาภิบาลอย่างเท่าเทียมกัน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนทั่วโลกผ่านการร่วมมือกับชุมชนระดับภูมิภาค รัฐบาล และผู้มีส่วนได้เสีย

การบริหารจัดการน้ำด้านลุ่มน้ำ

เครือเจริญโภคภัณฑ์มีการจัดทำการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำตามกรอบการดำเนินงานให้กับทุกพื้นที่การผลิตของเครือฯ ทำให้สามารถระบุถึงลุ่มน้ำที่อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงด้านน้ำสูงได้ โดยจากผลการประเมินพบว่ามีทั้งหมด 14 ลุ่มน้ำหลักใน 6 ประเทศที่เครือฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงด้านน้ำสูง ดังนั้น เครือฯ จึงให้ความสำคัญในการร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการปกป้องและฟื้นฟูลุ่มน้ำ ที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดของทรัพยากรน้ำที่เราทุกคนต้องการนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นสิทธิพื้นฐานของทุกคนในการเข้าถึงแหล่งน้ำที่สะอาดและเพียงพอ

Case Study

ร้อย รักษ์ โลก ปลูกเพื่อความยั่งยืน พื้นที่ภาคเหนือ 4 ต้นน้ำ ปิง วัง ยม น่าน

ปลูกต้นไม้รวม

ต้น

เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน เเละชุมชนในพื้นที่ 4 ต้นน้ำ ปิง วัง ยม น่าน ซึ่งเป็น แหล่งต้นน้ำที่สำคัญของประเทศไทยและเป็นแหล่งต้นน้ำที่อยู่ใน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่เครือฯ จัดอยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงด้านน้ำสูง โดยโครงการนี้มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำ พร้อมมุ่งหวังให้ชุมชนอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล ทั้งนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้มีการ ดำเนินการปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 758,755 ต้น เเละในปี 2565 ปลูกเพิ่มอีก 212,096 ต้น ทำให้มีการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ 4 ต้นน้ำปิง วัง ยม น่าน สะสม 970,851 ต้น

Sustainability in Action