การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

Our Impact by the Numbers

ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา

ฉบับ

จำนวนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรสะสม

คน

จำนวนบุคลการด้านวิจัยและพัฒนา

ศูนย์

จำนวนศูนย์การวิจัยและพัฒนา

ผลการดำเนินงาน และเป้าหมายความยั่งยืนเครือฯ สู่ปี 2573

ล้านคน

ฉบับ

จำนวนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรที่ได้รับการขึ้นทะเบียน

แนวทางการบริหารจัดการ

เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล หรือยุค 4.0 เครือเจริญโภคภัณฑ์เชื่อว่า นวัตกรรมจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เราก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกหรือ Mega Trend จึงกำหนดและดำเนินการตามกรอบการบริหารจัดการด้านนวัตกรรมของเครือเจริญโภคภัณฑ์ประกอบด้วย การสร้างแพลตฟอร์ม (Platform) การพัฒนาบุคลากรและวัฒนธรรมองค์กร (People) การพัฒนากระบวนการ (Process) ได้แก่นวัตกรรมแบบเปิด และ การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (Pipeline) ซึ่งพื้นฐานสำคัญคือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพลิกโฉมองค์กร เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นองค์กรนวัตกรรมทั่วทั้งองค์กร

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ ไบโอเทคโนโลยี เช่น การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศ นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีอวกาศ เช่น ดาวเทียมเพื่อการเกษตร ในการระบุเฉดสีและแร่ธาติในดิน วิทยาการหุ่นยนต์และดิจิทัล เช่น การตรวจสอบย้อนกลับ และเครือข่ายการเก็บข้อมูล (Traceability and Block Chain) เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่เครือฯ มุ่งมั่นพัฒนาสร้างบรรยากาศภายในองค์กร รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกองค์กรเพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางของโลก โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรม พร้อมกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบและเป้าหมายที่ชัดเจนของกลยุทธ์ต่างๆ ในการสร้างนวัตกรรม เพื่อให้สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม

  • ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (CYBER SECURITY)

    จัดให้มีนโยบายความปลอดภัยทาง ไซเบอร์ และอบรมเรื่องกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ให้กับพนักงานและผู้บริหารระดับสูง

  • ประสบการณ์ผู้ใช้งาน (USER EXPERIENCE)

    ใช้ดิจิทัลเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า เช่น TRUE ID, TRUE MONEY และ ALL MEMBER ปัจจุบันมีลูกค้าในระบบมากกว่า 30 ล้านคน

  • เทคโนโลยียุคหน้า (NEXT-GEN TECHNOLOGY)

    ใช้ Cloud Technology เป็นทิศทางมาตรฐาน ในการพัฒนาต่อยอด ด้านเทคโนโลยีของเครือฯ อาทิ แพลตฟอร์มการบริการ ต่างๆ และหุ่นยนต์ระบบอัจฉริยะ

  • การทํางานร่วมกันแบบดิจิทัล (DIGITAL WORKPLACE)

    สร้างองค์ความรู้พื้นฐาน ด้านดิจิทัลให้พนักงาน สร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มหลัก (Eko Connect) เพื่อเชื่อมโยง พนักงานเข้าด้วยกัน

  • ข้อมูลและการวิเคราะห์ (DATA & ANALYTICS)

    เชื่อมโยง 85% ของข้อมูลค้าปลีก และ 50% ของข้อมูลการเลี้ยงสัตว์ และการ ผลิตเข้าสู่ Dashboard กลาง เพื่อใช้ข้อมูล ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ทําให้เกิดความ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

  • การทํางานอัตโนมัติ (AUTOMATION)

    นํา Internet of Thing มาใช้ในธุรกิจ ค้าปลีกเพื่อสร้าง Digital Retail Store, นําร่องระบบเครื่องจําหน่ายสินค้าอัจฉริยะ นํา AI มาใช้ในการเลี้ยงสัตว์และการเพาะปลูก

นวัตกรรมกระบวนการผลิต

เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานในกระบวนการผลิต โดยได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสุขภาพ สุขภาวะ และความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน

ดร. Pig แพลตฟอร์มบริการห่วงโซ่อุตสาหกรรมการเกษตรครบวงจร

ประเทศจีนมีปริมาณการผลิตและตลาดบริโภคเนื้อหมูขนาดใหญ่ แต่อุตสาหกรรมเพาะพันธุ์สุกรของจีนยังคงมีประสิทธิภาพต่ำ ในปัจจุบัน 3 ใน 4 ของการเสี้ยงสุกรเป็นธุรกิจขนาดกลางและรายย่อย (น้อยกว่า 5,000 ตัวต่อปี) ซึ่งล้วนประสบปัญหาเรื่องความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เงินทุน ความสามารถ และปัญหาอื่น ๆ จึงส่งผลให้เติบโตได้ยาก และผลผลิตมีประสิทธิภาพต่ำ

ในฐานะที่เครือฯ เป็นผู้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเลี้ยงสุกรในประเทศจีนกว่า 40 ปี อีกทั้งยังเป็นรายแรกที่ก่อตั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมสุกรในประเทศจีน เครือฯ จึงใช้ศักยภาพที่มีในการยกระดับการเลี้ยงสุกรในประเทศจีนผ่านโครงการ Dr. Pig แพลตฟอร์ม ซี่งเป็นการนำเทคโนโลยี และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มาช่วยเพิ่มความได้เปรียบให้กับฟาร์มสุกรขนาดเล็กและขนาดกลาง

โครงการ เฝ้าระวังช้างป่าด้วยระบบเตือนภัยล่วงหน้า

ความขัดแย้งระหว่างช้างป่าและชาวสวนเกิดขึ้นจากการขาดแหล่งอาหารภายในป่า นี่คือสาเหตุหลักที่ช้างเดินออกจากป่าเพื่อมาหาอาหารและบุกรุกพื้นที่ทำการเกษตรและทำลายพืชผลต่างๆ บริษัททรูคอร์เปอเรชั่น กลุ่มธุรกิจภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงใช้เทคโนโลยีสื่อสารให้เกิดประโยชน์และเพิ่มการเชื่อมต่อจาก IoT พัฒนาระบบการตรวจตราสามารถช่วยสกัดช้างจากการเข้าบุกรุกพืชผลและกลับเข้าสู่ป่า มากไปกว่านั้นยังสามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

โดยระบบตรวจตรา IOTs ทำงานโดยตรวจจับความเคลื่อนไหวของสัตว์ใหญ่เช่น ช้าง ซึ่งบุกรุกเข้าไปในพื้นที่การเกษตร แล้วจะทำการส่งสัญญาณเตือน ช้างก็ถูกผลักดันกลับเข้าป่าก่อนจะทำลายพืชผลเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดความเสียหายและยังปกป้องสัตว์ป่าอีกด้วย

นวัตกรรมผลิตภัณฑ์

ในปัจจุบัน ลูกค้าและผู้บริโภคต่างมองหาผลิตภัณฑ์ และบริการที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงได้ร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจ ผู้ผลิต ลูกค้าและผู้บริโภคตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อระบุและพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความต้องการได้ตรงจุด ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเพิ่มศักยภาพของผลิตภัณฑ์ของเราให้สูงสุด

อาหารสัตว์รักษ์โลก

หนึ่งในธุรกิจหลักของเครือเจริญโภคภัณฑ์คือธุรกิจด้านเกษตรอุตสาหกรรม เครือฯ เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ติดอันดับโลก ซึ่งรวมถึงการเป็นผู้ผลิตเนื้อสุกรและเนื้อไก่รายใหญ่ด้วย จากกำลังการผลิตดังกล่าวเครือฯ จึงไม่หยุดนิ่งที่จะคิดค้น วิจัย ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการคิดค้นนวัตกรรมด้านสูตรอาหารสัตว์ที่ไม่เพียงแต่จะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ประสิทธิภาพการเลี้ยง ยังให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ด้วย ณ "ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมอาหารสัตว์" จ.ชลบุรี หนึ่งในศูนย์กลางการวิจัยอาหารสัตว์ จึงทดลอง คิดค้น นวัตกรรมด้านอาหารสัตว์ โดยใช้หลักการพัฒนาและจัดการผลิตภัณฑ์ที่รอบด้าน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในการใช้อาหารสัตว์ ตลอดจนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็คือการที่สัตว์บริโภคอาหารเข้าไปแล้ว เมื่อสัตว์ขับถ่ายออกมามูลสัตว์ดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง

ซึ่งจากการวิจัยพบว่าในมูลสัตว์ที่เลี้ยงด้วยสูตรอาหารแบบเดิมมีปริมาณไนโตรเจนที่สูง ซึ่งไนโตรเจนดังกล่าวเกิดจากการที่ปริมาณโปรตีนที่สัตว์บริโภคเข้าไปเกินความต้องการ ทำให้หลงเหลือในรูปของไนโตรเจนออกมากับมูลสัตว์ ไนโตรเจนดังกล่าวเมื่อออกสู่สิ่งแวดล้อมถูกจัดว่าเป็นส่วนเกินเมื่อย่อยสลายจะกลายสภาพเป็นแอมโมเนียและมีเทน ซึ่งมีส่วนในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และหากไนโตรเจนส่วนเกินดังกล่าวถูกชะล้างลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ จะส่งผลให้เกิดวิกฤติจากการแพร่พันธุ์และการจับตัวกันเป็นแพของสาหร่ายเซลล์เดียว หรือ Algae Blooms ซึ่งทำให้ปริมาณอ๊อกซิเจนในน้ำลดต่ำลงและส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำได้ เครือฯ จึงคิดค้นนวัตกรรมด้านอาหารสัตว์ โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยในการวิจัยปริมาณเพื่อให้สูตรอาหารสัตว์มีโภชนาการที่เหมาะสมกับสัตว์ในแต่ละสปีชีย์รวมถึงแต่ละช่วงวัย เพื่อให้สูตรอาหารสัตว์มีภาวะโภชนาการที่เหมาะสมลดส่วนที่เกินความจำเป็นลงและทดแทนด้วยการใช้กรดอะมิโนสังเคราะห์ที่ถูกต้องและแม่นยำ ตามความต้องการของตัวสัตว์ร่วมกับการใช้แหล่งโปรตีนและกรดอะมิโนจากวัตถุดิบเดิม รวมถึงปรับเปลี่ยนวัตถุดิบให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการขาดแคลนทรัพยากรที่อาจเกิดขึ้นได้ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านเอมไซม์มาช่วยในการย่อยเยื่อใย โปรตีน และแร่ธาตุ ให้อยู่ในรูปที่ระบบทางเดินอาหารสัตว์สามารถย่อยและดูดซึมมีประสิทธิภาพดีมากขึ้น ทำให้สัตว์สามารถนำสารอาหารจากการบริโภคไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพลดอาหารส่วนเกินที่อยู่ในสิ่งขับถ่ายในรูปของเสียจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จึงช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ซึ่งแนวทางดังกล่าวมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ จึงมีการขยายผลเพื่อค้นหาแนวทางที่จะดำเนินการกับสารอาหารส่วนเกินอื่นๆ ที่อยู่ในมูลสัตว์ รวมถึงอาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากสุกร เช่น ไก่เนื้อ ไก่ไข่และเป็ด ซึ่งในปัจจุบัน โครงการดังกล่าว มีการขยายผล นำไปใช้จริงในประเทศต่างๆ ได้ประโยชน์ในด้านประสิทธิภาพการผลิต ต้นทุน และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก

MEAT ZERO

จากความต้องการอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอฟหนึ่งในเครือฯเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ "MEAT ZER0" ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช (Plant-based Meat) ที่ผลิตด้วยนวัตกรรม ‘PLANT-TEC’ ทำให้ได้เนื้อทางเลือกที่มีความเหมือนเนื้อสัตว์จริง ทั้งลักษณะชิ้นเนื้อ รสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัส

นวัตกรรมสุดล้ำ จุดเด่น “MEAT ZER0” โดย CPF RD Center ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน “MEAT ZER0 เป็นพืชที่อร่อยเหมือนเนื้อสัตว์ ผู้บริโภคแทบจะแยกไม่ออกเลยว่ากำลังรับประทานพืชอยู่ ด้วยความโดดเด่นของทีมวิจัยพัฒนาอาหารจากซีพีเอฟที่ทำงานร่วมกับบริษัทวิจัยชั้นนำระดับโลก กระทั่งได้ผลิตภัณฑ์นี้ออกมา เราภูมิใจในนวัตกรรมชิ้นนี้อย่างมากและมั่นใจว่า จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ”