เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในทุกมิติ

เครือฯ มุ่งมั่นที่จะปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ พร้อมทั้งส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เครือฯ ได้กำหนดเป้าหมายในการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่สำคัญ รวมถึงแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ โดยส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสอดคล้องกับหลักความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจของเครือฯ

เป้าหมายและความคืบหน้า
ร้อยละ

ของวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงสูงที่ตรวจสอบย้อนหลังได้ภายในปี 2573

ร้อยละ

ของทุกกลุ่มธุรกิจดำเนินโครงการร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องในระดับสากล เพื่อบริหารจัดการและติดตามความหลากหลายทางชีวภาพในการดำเนินธุรกิจ

ร้อยละ

ของวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงสูงที่ตรวจสอบย้อนหลังได้ภายในปี 2573

ปี เป้าหมาย
2567 38.20%
2566 33.40%
2565 53.26%
ร้อยละ

ของทุกกลุ่มธุรกิจดำเนินโครงการร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องในระดับสากล เพื่อบริหารจัดการและติดตามความหลากหลายทางชีวภาพในการดำเนินธุรกิจ

ปี เป้าหมาย
2567 59%
2566 45%
2565 36.84%
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
การดำเนินงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพมีส่วนช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของ Sustainable Development Goals จำนวน 4 เป้าหมายด้วยกัน
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการประเมินและจัดลำดับความสำคัญผู้มีส่วนได้เสียเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินผลกระทบที่เรามีต่อผู้มีส่วนได้เสีย และประเด็นใดที่ผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญและจะมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์และการดำเนินการของเราเมื่อเวลาผ่านไป ในปี 2567 ผลการประเมินพบว่าความมุ่งมั่นของเราในการปกป้องความหากหลายทางชีวภาพสร้างสร้างผลกระทบโดยตรงต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้ง 4 กลุ่ม
เกษตรกร
ชุมชน และสังคม
คู่ค้าธุรกิจ
สื่อมวลชน
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ปี 2567
ร้อยละ
วัตถุดิบที่มีความเสี่ยงสูง สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
ล้านต้น
จํานวนต้นไม้ที่ปลูกสะสม ระหว่างปี 2563-2567
แห่ง
พื้นที่ดำเนินงานของเครือฯ ที่ได้รับการประเมินความเสี่ยงด้วยโปรแกรม IBAT
แห่ง
พื้นที่ดำเนินงานของคู่ค้าที่ได้รับการประเมินความเสี่ยงด้วยโปรแกรม IBAT

กลยุทธ์การบริหารจัดการการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

แนวทางการบริหารจัดการการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของเครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งเน้นไปที่การลดผลกระทบเชิงลบจากการดำเนินธุรกิจของเครือฯ

ที่มีต่อธรรมชาติ และเพิ่มผลกระทบเชิงบวก โครงการของเครือฯ ส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืน การการปลูกป่าและการฟืนฟูป่า การปกป้องสัตว์ป่า การฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ การรีไซเคิลของเสีย และการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอื่น ๆ นอกจากนี้ การลงทุนในพลังงานทางเลือกยังส่งเสริมให้เครือฯ สามารถบรรบุเป้าหมายด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ภายในกลยุทธ์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ การศึกษาและการตระหนักรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้เข้าร่วมการดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ ที่ส่งเสริมให้พนักงาน คู่ค้า และชุมชนสามารถเข้าถึงข้อมูล และทรัพยากรที่จำเป็นต่อการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

กลยุทธ์ในการมุ่งสู่การเป็น Nature Positive and Zero Deforestation

เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักดีว่า การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดิน ป่า รวมถึงระบบนิเวศทางบกและทางน้ำล้วนแล้วแต่สร้างผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น เราจึงมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบแก่ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า เราทุ่มเทพละกำลังและความเชี่ยวชาญที่เรามีในการฟื้นฟูความมั่นคงของระบบนิเวศ เพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่รุ่นต่อไป

เราได้ทำการวิเคราะห์วัตถุดิบหลักที่มีความสำคัญต่อการผลิตของเราที่อาจะก่อให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบดังกล่าว เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม และมันสำปะหลัง เป็นต้น ซึ่งความมุ่งมั่นในการไม่ก่อให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า และการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนได้ถูกจัดทำขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเรามีการจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งที่ไม่ได้เป็นการบุกรุกป่า หรือตัดไม้ทำลายป่าเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบดังกล่าว นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้จัดตั้งเป้าหมายในการจัดซื้อวัตถุดิบหลักที่ไม่ได้มาจากการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2573 และเพื่อเป็นการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เครือฯ ได้ทำการลงทุนในเทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อติดตามการได้มาซึ่งวัตถุดิบหลักตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การปลูกจนถึงการใช้งาน นอกจากนี้ เรายังมีแผนการที่จะเสาะหาเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีอยู่ในตลาด เพื่อนำมาสร้างความมั่นคงของระบบการตรวจสอบย้อนกลับของเรา เครือฯ ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างความมีส่วนร่วมกับคู่ค้าของเราอย่างต่อเนื่องในการสรรหาวัตถุดิบที่มาจากแหล่งที่ยั่งยืน และได้รับการรับรองตามมาตรฐานของสากล อาทิ การเจรจาโต๊ะกลมเพื่อการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน อีกทั้ง เรายังได้ทำการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานของเรา ระบุความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ประเมินความเสี่ยงของคู่ค้า และสื่อสารกับคู่ค้า เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคู่ค้าของเรามีความตระหนักรู้และมีความเข้าใจต่อนโยบายความมุ่งมั่น และเป้าหมายของเราที่มีต่อการไม่ตัดไม้ทำทำลายป่า

นอกจากนี้ เครือฯ ยังไม่ความสำคัญต่อการรักษาและฟื้นฟูป่าบนบกและป่าชายเลน รวมถึงเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในสถานที่ทำงานของเรา ซึ่งการดำเนินงานเหล่านี้เป็นการสร้างความมั่นใจว่าเราพยายามสร้างความสมดุลให้แก่ธรรมชาติและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ผ่านมาเครือฯ ได้มีการปลูกไม้ยืนต้นภายในประเทศไทยและในประเทศอื่น ๆ ที่เครือฯ มีการลงทุน นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้สนับสนุนให้พันธมิตรทางธุรกิจและเครือข่ายชุมชนร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อความยั่งยืน และจัดตั้งเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 และปลูกต้นไม้รวมจำนวน 20 ล้านต้นให้ครบภายในปี 2568

เป้าหมายสำหรับการฟื้นฟูระบบนิเวศ
ร้อยละ
ของกลุ่มธุรกิจมีโครงการหรือความร่วมมือกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องระดับประเทศและสากล เพื่อบริหารจัดการและติดตามความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี 2573
เป้าหมายสำหรับการฟื้นฟูระบบนิเวศ
ดำเนินการปลูกต้นไม้จำนวน
ล้านต้น
ภายในปี 2568

การประเมินการพึ่งพาบริการของระบบนิเวศ

ในฐานะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

เราจึงมีความตระหนักดีว่าการดำเนินงานของเราจำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากรทางธรรมชาติและระบบนิเวศบริการเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น การจัดหาวัตถุดิบ การควบคุมสภาพภูมิอากาศ และการควบคุมการพังทลายของดิน ด้วยเหตุนี้ เครือฯ มีการวิเคราะห์การพึ่งพาบริการของระบบนิเวศและระบบนิเวศบริการ โดยผลการวิเคราะห์ทำให้เราสามารถประเมินความเสี่ยงและแนวทางการบริหารจัดการได้

ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร
ดินและการควบคุมการพังทลายของดิน
การป้องกันน้ำท่วมและภัยพิบัติ
ภูมิอากาศและฤดูกาล
น้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน
การผสมเกสร
ธุรกิจค้าปลีก
ดินและการควบคุมการพังทลายของดิน
การป้องกันน้ำท่วมและภัยพิบัติ
ภูมิอากาศและฤดูกาล
การฟื้นฟูทางชีวภาพ
ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ดินและการควบคุมการพังทลายของดิน
การป้องกันน้ำท่วมและภัยพิบัติ
น้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน
ธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม
น้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน
การป้องกันน้ำท่วมและภัยพิบัติ
ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์
สารพันธุกรรม
น้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน
การฟื้นฟูทางชีวภาพ
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและดิจิทัล
ภูมิอากาศและฤดูกาล
การป้องกันน้ำท่วมและภัยพิบัติ
ธุรกิจโทรคมนาคม
การป้องกันน้ำท่วมและภัยพิบัติ
ภูมิอากาศและฤดูกาล
ธุรกิจการเงินและการธนาคาร
ภูมิอากาศและฤดูกาล

การจัดลำดับความสำคัญของบริการของระบบนิเวศโดยใช้วิธี Double Materiality

เพื่อเป็นการชะลอการสูญเสียทางความหลากหลายทางชีวภาพ เครือฯ ได้พิจารณาถึงผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของเครือฯ ที่มีต่อธรรมชาติ โดยประเด็นหลักของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติได้ถูกระบุไว้ดังนี้

พื้นที่ที่มีความสำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้มีการดำเนินการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ สถานที่การผลิตของทุกธุรกิจได้รับการประเมินโดยเครื่องมือ IBAT ซึ่งเป็นการบูรณาการข้อมูล 3 มิติ ได้แก่ พื้นที่ที่ได้รับการปกป้อง พื้นที่ที่มีความสำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และชนิดพันธุ์บัญชีแดงของ IUCN ผลการประเมินของ IBAT ซึ่งได้รวมข้อมูลจาก 1991 พื้นที่ จาก 21 ประเทศทั่วโลกสามารถสรุปได้ดังนี้

พื้นที่ดำเนินงานที่ใกล้กับพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในรัศมี 5 กม.
ร้อยละ 16
พื้นที่ดำเนินงาน พบพื้นที่ ที่มีความสำคัญระดับนานาชาติในแง่การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ในรัศมี 5 กม.
ร้อยละ 26
พื้นที่ KBA ในรัศมี 5 กม. ตามการจัดจำแนกด้วยเกนฑ์ IUCN Global Standard for KBA ได้ดังนี้
ร้อยละ
จำแนกจากการพบสัตว์ที่ใกล้สูญพันธ์ (CR) และพื้นที่สำคัญสำหรับนกอพยพ
ร้อยละ
จำแนกจากการพบชนิดพันธุ์ที่ถูกคุมคาม (Threatened)
ร้อยละ
จำแนกจากการพบชนิดพันธุ์ที่ถูกคุมคาม และชนิดพันธุ์ที่สำคัญอื่น ๆ ที่ไม่อยู่ใน IUCN Red List

ความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการตรวจสอบย้อนกลับวัตถุดิบที่มีความเสี่ยง

เครือฯ ได้พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับที่รวดเร็ว แม่นยำ และโปร่งใส ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของเรา ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภคของเรา ระบบนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่สำคัญของเรา และมุ่งเน้นไปที่การปกป้องผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

ขอบเขตของการตรวจสอบย้อนกลับ ครอบคลุม วัตถุดิบทางการเกษตรที่ใช้สำหรับผลิตอาหารสัตว์ ใน 10 ประเทศ ได้แก่: ไทย, เวียดนาม, อินเดีย, กัมพูชา, ลาว, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เมียนมา, บังกลาเทศ และจีน

การประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยใช้โปรแกรม Keystone

เครือเจริญโภคภัณฑ์ร่วมกับบริษัท Keystone ผู้ให้บริการโปรแกรมด้านการประเมินด้านความหลากหลายทางชีวภาพ จัดทำโครงการศึกษานำร่องเพื่อการประเมินความเสี่ยงและการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับกลุ่มธุรกิจการเกษตร สืบเนื่องจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ เครือฯ จำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและการบริการของระบบนิเวศเป็นอย่างมาก ดังนั้นความเข้าใจความสัมพันธ์และรูปแบบการพึ่งพาธรรมชาติ จึงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อให้สามารถประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจและคาดการณ์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งสามารถสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจและผลกระทบด้านบวกกับบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

โครงการนำร่องครั้งนี้เป็นการศึกษาเพิ่มเติมจากรายงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพของเครือฯ ปี 2566 (Biodiversity Report) ในการศึกษาและประเมินความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจในระดับพื้นที่ปฏิบัติงาน (Site-Specific Assessment) ตามกรอบการดำเนินงานของ Taskforce on Nature-Related Financial Disclosure (TNFD) ซึ่งบริษัท Keystone เป็นหนึ่งในสมาชิกของ TNFD Data Catalyst ที่เชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรมสำหรับการคาดการณ์ การลดผลกระทบ และการเปิดเผยข้อมูลผลกระทบทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ กรณีศึกษานำร่องครั้งนี้เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่นำแนวทางการประเมินความเสี่ยงแบบ LEAP การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับบริษัทอื่น ๆ ได้ทราบ เนื่องจากเครือฯ เป็นบริษัทในกลุ่มแรกที่นำ TNFD Beta Framework นอกจากนี้เครือฯ มีแผนที่จะนำแนวทางการประเมินจากโครงการนำร่องครั้งนี้มาใช้กลุ่มธุรกิจอื่นของเครือต่อไป

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Agriculture Case Study