ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการส่งมอบคุณภาพ ความปลอดภัย และความโปร่งใสแก่ผู้บริโภค เครือฯ ยังได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมการใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว พร้อมทั้งเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืนและโปร่งใส โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศในทุกขั้นตอน
ในกระบวนการผลิต เครือเจริญโภคภัณฑ์ใช้เทคโนโลยีสะอาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดของเสีย รวมถึงบริหารจัดการทรัพยากรพลังงานและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายอย่างเหมาะสม ทั้งสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ บริการ และในการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายของเครือฯ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งลดและขจัดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ในด้านการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เช่น ฉลากโภชนาการ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบของผู้บริโภค
เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ และโครงการรับคืนผลิตภัณฑ์บางประเภทเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจของเครือฯ ในการสร้างความยั่งยืนอย่างรอบด้าน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
การประเมินผลผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดวัฎจักรชีวิต
เครือเจริญโภคภัณฑ์ใช้แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรผ่านการประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) LCA เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากผลิตภัณฑ์ของเราตั้งแต่การผลิตจนถึงการกำจัด ด้วยการดำเนินการ LCA ที่เข้มงวด เราได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทรัพยากรที่ใช้ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น และของเสียที่เกิดขึ้นตลอดวงจรชีวิตทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ ข้อมูลนี้ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กระบวนการของเรา และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบทางนิเวศน์น้อยที่สุด
นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้ประเมินวิธี MECO ซึ่งเป็นวิธีการวิเคราะห์วัฏจักรชีวิตแบบย่อ (Simplified LCA) สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรา เช่น ข้าวและไข่ เพื่อคัดกรองผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใน 4 หมวดหมู่ ได้แก่ วัสดุ พลังงาน สารเคมี และอื่น ๆ การประเมินนี้ครอบคลุมถึง 5 ระยะของวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ ได้แก่ การสกัดวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง การใช้ และการจัดการเมื่อสิ้นอายุการใช้งาน
การบัญชีการไหลของวัสดุเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับจากภายนอกที่เราใช้ในการติดตามและวิเคราะห์การไหลของวัสดุในผลิตภัณฑ์ของเรา เช่น ข้าวโพดและกุ้ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักในธุรกิจการบูรณาการพืชผลและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ วิธีการนี้ช่วยให้เราเห็นภาพรวมที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้วัสดุและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
In 2024, 86.2% of total products were covered by the Life Cycle Assessment (LCA) approach, comprising 76.8% from full LCAs, 5.1% from simplified LCAs using the MECO method, and 4.3% from other externally recognized tools, specifically material flow accounting. *
*These percentages are derived from data provided by the relevant business units.
ฉลาก Carbon Footprint ของเครือฯ

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP)

ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (CFR)

ผลิตภัณฑ์ฉลากคาร์์บอนนิวทรัล

คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO)

การลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (TVERs)
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ในปี 2567












ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของข้าวหอมมะลิ

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด
Environmental Impact of Producing 1 Kilogram of Jasmin Rice
Impact Type | Unit | Impact | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
Area Preparation | Planting | Care | GHG from Rice Fields | Harvest | Total | ||
Global Warming | kg CO2 eq | 0.38 | 0.17 | 0.071 | 1.49* | 0.024 | 2.14 |
Ozone depletion | kg CFC-11 eq | 1.9E-07 | 8.6E-08 | 3.7E-08 | 8.4E-09 | 3.21E-07 | |
Terrestrial Acidification | kg SO2 eq | 0.0017 | 0.00053 | 0.00090 | 3.0E-05 | 0.0032 | |
Freshwater Eutrophication | kg P eq | 0.0016 | 1.4E-05 | 0.0016 | 3.0E-08 | 0.0032 | |
Human carcinogenic toxicity | kg 1,4-DB eq | 0.53 | 0.12 | 0.16 | 0.0072 | 0.82 | |
Human non-carcinogenic toxicity | kg 1,4-DB eq | 0.00025 | 0.00013 | 6.6E-05 | 5.6E-06 | 0.00045 | |
Terrestrial ecotoxicity | kg 1,4-DB eq | 0.00070 | 0.0003 | 0.00024 | 9.4E-06 | 0.0012 | |
Freshwater ecotoxicity | kg 1,4-DB eq | 0.017 | 0.0051 | 0.0062 | 0.00028 | 0.029 | |
Land use | m2a crop eq | 0.0034 | 0.0057 | 0.0016 | 1.5E-05 | 0.011 | |
Water consumption | m3 | 0.0012 | 0.0013 | 0.0038 | 7.7E-06 | 0.0029 |
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับฉลากสิ่งแวดล้อม
เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นรากฐานของการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวและการเป็นผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างรับผิดชอบ สอดคล้องกับพันธกิจในการสร้างคุณค่าร่วมให้กับสังคม เครือฯ ได้ส่งเสริมการพัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับฉลากสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศตลอดทั้งวงจรชีวิต ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต บรรจุภัณฑ์ การกระจายสินค้า ไปจนถึงการใช้งานของผู้บริโภค การผลักดันผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากสิ่งแวดล้อมไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านความปลอดภัยและความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเกิดของเสีย แนวทางนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเครือฯ ในการมีส่วนร่วมต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก การปกป้องระบบนิเวศ และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
ตัวอย่างฉลากสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานภายนอกในผลิตภัณฑ์และบริการ

ความรับผิดชอบต่อวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ เราตระหนักดีว่าความรับผิดชอบต่อวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์เป็นองค์ประกอบสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นที่จะจัดการวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ของเรา เพราะเราคิดว่าการจัดการผลิตภัณฑ์อย่างมีจริยธรรมจะต้องมีการดูแลหลังการขาย
เราให้ความสำคัญกับการรีไซเคิล การใช้ซ้ำ และการกำจัดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การออกแบบจนถึงการกำจัด เรามีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยการส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างจริงจังและจูงใจให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในหลักปฏิบัติด้านจริยธรรมเมื่อถึงการกำจัดผลิตภัณฑ์
บริษัท ซีพีพีซี จำกัด ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นผู้ผลิตชั้นนำด้านบรรจุภัณฑ์กระดาษและผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราทำจากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ 100%

- ถุงพลาสติก
- บรรจุภัณฑ์อาหาร
- ผลิตภัณฑ์ PVC
- แกนกระดาษ
บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการหลากหลายเพื่อรับคืนผลิตภัณฑ์จากลูกค้าและรีไซเคิลวัสดุพลาสติกเหลือใช้จากกระบวนการผลิต โดยผ่านกระบวนการแยกและหลอม และนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น
ในปี 2024 บริษัทฯ ได้รีไซเคิลหรือใช้ซ้ำผลิตภัณฑ์และวัสดุจำนวน 13.04% เพื่อทดแทนพลาสติกใหม่ และยังได้ส่งต่อให้ผู้รับเหมาช่วงเพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่งผลให้เกิดการประหยัดต้นทุนกว่า 160 ล้านบาท
ปริมาณผลิตภัณฑ์และวัสดุที่ถูกนำกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลใช้ใหม่
(%)


การบริหารจัดการสารเคมีและวัตถุอัตราย
เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายอย่างเหมาะสม และสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการของเรา และในการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง และนโยบายการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายของเครือฯ เพื่อลดและขจัดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) ในธุรกิจบริการของเครือฯ ภายในปี 2040 ให้สอดคล้องกับแผนการเลิกใช้ตามพิธีสารมอนทรีออลสำหรับประเทศกำลังพัฒนา โดย HCFCs จัดเป็นวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2565 ของประเทศไทย
มาตรการควบคุมอันตราย
การประเมินความเสี่ยงของสารเคมีและวัตถุอันตรายในผลิตภัณฑ์และบริการ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงจากการใช้สารเคมีและวัตถุอันตรายในผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยอ้างอิงแนวทางการประเมินความเสี่ยงสารเคมีของ ICCA (ICCA Guidance on Chemical Risk Assessment) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดทำการจำแนกประเภทและดำเนินมาตรการตามลำดับชั้นของการควบคุม (Hierarchy of Controls) รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ และมาตรฐานทั้งในระดับชาติและนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมี เช่น ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 (1992) บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2565 (2022) และข้อกำหนดการจำกัดการใช้สารอันตราย (RoHS) โดยมีรายได้ของบริษัทฯ น้อยกว่า 2% ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการซึ่งมีสารเคมีและวัตถุอันตรายตามบัญชีดังกล่าว
จากผลการประเมินพบว่า ร้อยละ 30 ของสารเคมีและวัตถุอันตรายในผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ อยู่ในระดับความเสี่ยงสูง บริษัทฯ จึงได้พัฒนามาตรการป้องกันและควบคุม รวมถึงแนวปฏิบัติในการจัดเก็บสารเคมีอันตรายอย่างปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจะได้รับการควบคุมและจัดการอย่างเหมาะสม