เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะมีบทบาทนำในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีความรับผิดชอบในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

โดยเครือฯ ได้กำหนดเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 สำหรับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับการรับรองโดย Science based Target Initiative (SBTi) เป้าหมายนี้ครอบคลุมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ทั้งในภาคพลังงาน อุตสาหกรรม และภาคที่ดิน (FLAG) นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้บูรณาการการบริหารความเสี่ยงด้านก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่กระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ สนับสนุนการลดคาร์บอนตลอดห่วงโซ่คุณค่า และลงทุนในเทคโนโลยีและแนวทางที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

เป้าหมายและความคืบหน้า

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำาเนินธุรกิจ (Scope 1 และ 2) จากเป้าหมายร้อยละ 42 ตาม Science-base Targets

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำาเนินธุรกิจ (Scope 1 และ 2) จากเป้าหมายร้อยละ 42 ตาม Science-base Targets

ปี เป้าหมาย
2567 9.65%​
2566 9.31%
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ปี 2567
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ร้อยละ เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564
พลังงานที่ใช้ทั้งหมด
ล้านกิกะจูล
ร้อยละ
สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน
ล้านบาท
ของการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม

แนวทางการบริหารจัดการด้านการปรับตัว ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ในยุคที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความท้าทายดังกล่าว และได้กำหนดเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

นอกจากนี้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ของเครือฯ ได้รับการรับรองโดย Science based Target Initiative (SBTi) โดยแบ่งออกเป็น 2 เป้าหมาย ดังนี้

เป้าหมายระยะสั้น (Near-term Targets)

พลังงานและอุตสาหกรรม (Energy & Industry):

เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ลงร้อยละ 42 ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564* และยังตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 3 ลงร้อยละ 25 ในช่วงเวลาเดียวกัน*

ภาคเกษตรกรรม ป่าไม้ และการใช้ที่ดิน (FLAG):

เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 3 ของภาค FLAG ลงร้อยละ 30.3 ภายในปี 2573 จากปีฐาน 2564 พร้อมทั้งมุ่งมั่นยุติการตัดไม้ทำลายป่าในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินหลักภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568**

เป้าหมายระยะยาว (Long-term Target)

พลังงานและอุตสาหกรรม (Energy & Industry):

เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ลงร้อยละ 90 ภายในปี 2593 จากปีฐาน 2564* และยังตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 3 ลงร้อยละ 90 ภายในช่วงเวลาเดียวกัน*

ภาคเกษตรกรรม ป่าไม้ และการใช้ที่ดิน (FLAG):

เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 3 ของภาค FLAG ลงร้อยละ 72 ภายในปี 2593 จากปีฐาน 2564**

* ขอบเขตของเป้าหมายครอบคลุมการปล่อยและการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน รวมถึงจากวัตถุดิบชีวมวลเพื่อผลิตพลังงาน

**เป้าหมายครอบคลุมการปล่อยและการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรกรรม ป่าไม้ และการใช้ที่ดิน (FLAG)

กรอบการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นโยบายและความมุ่งมั่นด้านการบริหารจัดการด้านการปรับตัว ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความเร่งด่วนที่เพิ่มขึ้นในการเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบที่ทวีความรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความต่อเนื่องของธุรกิจของเรา

เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนนี้ เครือฯ ได้ยึดมั่นในการดำเนินงานตามนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งยกระดับมาตรฐานให้สอดคล้องกับกรอบแนวปฏิบัติสากลในระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่อง เครือฯ ได้บูรณาการแนวทางการบริหารจัดการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าสู่กระบวนการดำเนินธุรกิจในทุกระดับ ตั้งแต่การกำหนดวิสัยทัศน์และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ไปจนถึงการบริหารจัดการในระดับปฏิบัติการ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรในการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ และรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

นอกจากการดำเนินงานภายในองค์กรแล้ว เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน รวมถึงคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเน้นการส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน การจัดหาทรัพยากรอย่างมีจริยธรรม และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เครือฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างเครือข่ายการจัดหาที่มีความยืดหยุ่น เชื่อถือได้ และสามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิผล

เครือฯ ยังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Just Transition) โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อแรงงาน ชุมชน และกลุ่มเปราะบางในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยการส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ การจ้างงานที่ยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการออกแบบนโยบายและโครงการที่เกี่ยวข้อง การมีส่วนร่วมของเครือฯ ยังขยายไปสู่ระดับชุมชนท้องถิ่นและผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบที่เกิดกับประชากรที่เปราะบาง และส่งเสริมการพัฒนาโครงการที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางสังคมในระยะยาว นอกจากนี้ เครือฯ ยังดำเนินบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนการกำหนดนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่เข้มแข็ง โดยร่วมมือกับภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ และภาคเอกชน เพื่อผลักดันสภาพแวดล้อมเชิงนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับระบบ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังลงทุนในโซลูชันและเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศที่สนับสนุนเป้าหมายด้านความยืดหยุ่นขององค์กร อาทิ โครงการบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโครงการสนับสนุนความยืดหยุ่นของชุมชน พร้อมทั้งส่งเสริมให้คู่ค้าและพันธมิตรดำเนินแนวทางในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างกว้างขวางและเท่าเทียม

การประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความสำคัญว่าความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของเราอย่างไร ในฐานะส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการบริหารจัดการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศอย่างครอบคลุม ซึ่งได้นำกรอบการรายงานของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) มาใช้ แนวทางเชิงรุกนี้ช่วยให้เราสามารถระบุ ประเมิน และจัดการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะจัดการกับความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกันก็เปิดรับศักยภาพในการเติบโตและนวัตกรรมที่ยั่งยืน

01
การประเมินความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เราประเมินความเสี่ยงทางกายภาพ การเปลี่ยนผ่าน และชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบผ่านการประเมินความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศของเรา การวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อขั้นตอนการผลิต ระบบการกระจายสินค้า และความต้องการของตลาดเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการประเมินนี้ การทำความเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้สามารถช่วยให้เราสร้างแผนการฟื้นฟู ลดความเปราะบาง และปกป้องบริษัทของเราจากการหยุดชะงักทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

02
การประเมินโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกเหนือจากการประเมินความเสี่ยง วิธีการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญต่อการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาสยังทำให้เราพบความเป็นไปได้ที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจที่มีคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ซึ่งเราเสาะหาแนวทางการดำเนินงานที่ไม่เพียงแต่เหมาะสมต่อธุรกิจของเรา แต่ยังตอยสนองต่อรูปแบบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาส การพัฒนาทางเทคโนโลยี และความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เครือฯ เห็นความสำคัญต่อการลงทุนในแหล่งพลังงานหมุนเวียน การใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และผลิตผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน

03
การบูรณาการเข้าสู่การตัดสินใจ

การประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่กิจกรรมที่ทำขึ้นและจบไป แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการตัดสินใจของเรา เครือฯ มีการดำเนินงานเพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทของเราจะสามารถปรับตัว มีความสามารถในการแข่งขันได้ และมีความยั่งยืนในสภาพแวดล้อมภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาส ซึ่งเครือฯ ได้รวมการพิจารณาสภาพภูมิอากาศไว้ในการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการตัดสินใจลงทุนของเรา

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Climate & Nature Resilience Supplement (IFRS S2 & TNFD) 2567

การปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงการเป็นส่วนร่วมรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศสอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือฯ และตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)

ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และมุ่งพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส จึงได้กำหนดเป้าหมายและนโยบายที่จะเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutral ภายในปี 2573 และได้มีการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ แบ่งออกเป็นกิจกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Mitigation Action) และกิจกรรมที่จัดการความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation Action)

แนวทางการไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

ราคาระบบคาร์บอนภายในองค์กร

เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีความหมาย และได้นำกลไกการกำหนดราคาคาร์บอนภายใน (Internal Carbon Pricing: ICP) มาใช้เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อผนวกความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมเข้าสู่กระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจ​

เครือฯ ได้นำกลไก ICP มากำหนดมูลค่าทางการเงินให้กับการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นการนำต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมของคาร์บอนมาคำนวณภายในการตัดสินใจด้านการดำเนินงานและการลงทุน แนวทางนี้ส่งเสริมให้หน่วยธุรกิจทั้งหมด ประเมินผลกระทบระยะยาวของคาร์บอนที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ การจัดหาพลังงาน ไปจนถึงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยคำนึงถึงผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการเงิน​

ด้วยการนำ ICP มาใช้ เครือฯ ได้สร้างแรงจูงใจในการพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการตัดสินใจและการประเมินความเสี่ยง เสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านความยั่งยืน และส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในโครงการคาร์บอนต่ำ ทั่วทั้งองค์กร สิ่งนี้เป็นแนวทางสำคัญสำหรับเครือฯ และบริษัทภายใต้เครือฯ ในการระบุและคว้าโอกาสทางธุรกิจคาร์บอนต่ำ ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การกำหนดราคาคาร์บอนภายในถูกตั้งไว้ในระดับที่เหมาะสมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการประเมินโครงการและการลงทุน เป็นแรงจูงใจเชิงปฏิบัติสำหรับการลดการปล่อยก๊าซ และสนับสนุนเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศระยะยาวของเครือฯ​

นอกจากนี้ การประยุกต์ใช้กลไก ICP ยังครอบคลุมไปถึงการชี้นำกลยุทธ์และการวางแผนทางการเงิน เนื่องจากช่วยให้เครือฯ วิเคราะห์ต้นทุน-ผลประโยชน์สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกำหนดงบประมาณสำหรับการชดเชยคาร์บอน แนวทางเชิงกลยุทธ์นี้ทำให้มั่นใจได้ว่าเครือฯ จะอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมในการรับมือกับกฎระเบียบที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง และจัดการการปล่อยก๊าซตลอดห่วงโซ่คุณค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท้ายที่สุดแล้ว ICP เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยเครือฯ ในการกำหนดและบรรลุนโยบายและเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ และช่วยทดสอบความแข็งแกร่งของการลงทุน กับต้นทุนคาร์บอนในอนาคต ซึ่งเป็นการปรับทิศทางธุรกิจของเราให้สอดคล้องกับอนาคตที่ยืดหยุ่นและมีคาร์บอนต่ำ​

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ปี 2567

จํานวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1+2 และ 3
ล้านตัน CO2e
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ล้านตัน CO2e
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 และ 2 ต่อปี
ล้านตัน CO2e
จํานวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 และ 2
แบ่งตามแหล่งพลังงาน
Scope 1 การเผาไหม้ อยู่กับที่
ร้อยละ 10.98
Scope 1 การเผาไหม้ เคลื่อนที่
ร้อยละ 2.71
Scope 1 การรั่วไหล และอื่น ๆ
ร้อยละ 6.71
Scope 2 ไฟฟ้า
ร้อยละ 79.60
แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ
5.82
ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์
ปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3