โครงการสบขุ่นโมเดล

19 พฤษภาคม 2565

ปัญหาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย เป็นปัญหาสำคัญของโลก และนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากยังปล่อยให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้น และกลายเป็นปัญหาสะสมต่อเนื่องทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อาจต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change ที่สายเกินแก้ได้ ปัจจุบัน ประชากรโลกหันมาให้ความสำคัญ และเห็นปัญหาพร้อมก้าวออกมาส่งเสียงกระตุ้นจิตสำนึกผ่านกิจกรรมโครงการต่างๆ โดยภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการก้าวมาอยู่แถวหน้าและเชิญชวนให้ทุกคนร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เครือฯ เป็นหนึ่งในภาคเอกชน ที่ตระหนักและให้ความสำคัญกับปัญหาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้เข้าไปส่งเสริมและให้ความรู้ชุมชน ให้ตระหนักและรักผืนป่าที่เปรียบเสมือนบ้านของพวกเขา อย่างเช่นที่ หมู่บ้านสบขุ่น อ.ท่าวังผา จ.น่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เครือฯเข้าไปส่งเสริม และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่แห่งการสร้างป่า ภายใต้โครงการ “สบขุ่นโมเดล”

สบขุ่น หมู่บ้านจากขุนเขาสู่การกักเก็บคาร์บอน

‘บ้านสบขุ่น’ หมู่บ้านเล็กๆ บนขุนเขาที่ห่างไกล อ.ท่าวังผา จ. น่าน จากอดีตที่เคยแห้งแล้งปัจจุบันกลายเป็นผืนป่าต้นน้ำที่ชุ่มชื้น ด้วยความตั้งใจจริงของชาวบ้านสบขุ่นและการสนับสนุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องการจะสร้างป่าให้กลับมาอยู่คู่กับวิถีชีวิตอย่างยั่งยืน

จากจุดเริ่มต้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งมีอาชีพทำไร่เลื่อนลอย ได้เริ่มหันหลังให้กับสิ่งเดิม ๆ และเปิดรับสิ่งใหม่ที่สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างป่าให้กลับคืนมา ด้วยการเข้าร่วมโครงการ สบขุ่นโมเดล ที่เครือฯ เข้าไปให้องค์ความรู้ใหม่ๆ แก่ชาวบ้านในการปลูกกาแฟและพืชผสมผสาน เพื่อลดพื้นที่ป่าที่ต้องถูกทำลายจากการทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งกาแฟเป็นพืชที่ต้องการร่มเงาในการเติบโต จึงต้องปลูกไม้พี่เลี้ยงที่สร้างร่มเงา อาทิ ต้นพังแหร (ต้นปอสร้อย) ต้นมะหาด ต้นประดู่, ต้นอลาง, ต้นงิ้วป่า และต้นมะเดื่อ เพื่อทำให้เกิดการสร้างป่าไปพร้อมๆ กัน ที่นี่ทำการเกษตรกรรมแบบครอบครัว ซึ่งการปลูกกาแฟไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากเท่ากับการทำไร่เลื่อนลอยที่ต้องอาศัยการปลูกเยอะๆ เพื่อให้ได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ดังนั้น พื้นที่บางส่วนจึงสามารถละไว้ให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว เรียกว่า ‘การละเหล่า’ หรือ การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี

ปัจจุบันบ้านสบขุ่นสามารถสร้างป่า สร้างอาชีพให้แก่หลายครอบครัว และเชื่อมั่นว่าองค์ความรู้เหล่านี้จะส่งต่อไปยังลูกหลานของพวกเขาได้ในอนาคต ผลของความพยายามและความสามัคคีในชุมชนทำให้วันนี้สบขุ่นไม่ได้เป็นเพียงหมู่บ้านจากขุนเขาที่ปลูกกาแฟและสร้างป่า แต่บ้านสบขุ่นยังสามารถช่วยโลกด้วยการกักเก็บคาร์บอนได้อีกด้วย

“ถ้าเฮาฮักมัน กาแฟมันก็ฮักเฮา”


พ่อหยาด ธรรมลังกา เกษตรกรบ้านสบขุ่น

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

เกษตรกรได้รับประโยชน์

ราย

ผลิตกาแฟเชอรี่จำนวน

กิโลกรัม

สร้างรายได้ให้ชุมชน

บาท