เครือซีพีชูแนวคิด “SEACOSYSTEM : เพื่อทะเลไทยที่ยั่งยืน” ผนึกกำลังทุกภาคส่วนร่วมอนุรักษ์ท้องทะเลไทย เดินหน้าจับมือกับกรมประมง ขยายพื้นที่วางปะการังเทียม 1,000 แท่ง ใน จ.สงขลา และ จ.นราธิวาส เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและการประมงชายฝั่งเชิงบูรณาการ

13 กันยายน 2562

12 กันยายน 2562 – กรมประมง ร่วมกับ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) จัดพิธี “ส่งมอบปะการังเทียม ภายใต้ความร่วมมือการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และฟื้นฟูการประมงชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน” โดยมีนายวิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง พลเรือตรีภูมิพันธ์ นิลกำแหง ผู้แทนจากทัพเรือภาคที่ ๒ กองทัพเรือนายธนาวุฒิ กุลจิตติชนก ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลานายเรวัตร คงประดิษฐ์ ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกลุ่มภาคประชาสังคมในพื้นที่ ร่วมกันส่งมอบและจัดวางปะการังเทียมจำนวน 1,000 แท่งให้กับชุมชน อ.ระโนด จ.สงขลา และอ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อฟื้นฟูและสร้างระบบนิเวศทางทะเลให้สมบูรณ์มากขึ้น การจัดวางปะการังเทียมจะเป็นการสร้างที่อยู่ ที่หลบภัยและที่เพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำ ทำให้สัตว์น้ำมีจำนวนมากขึ้น และชาวประมงสามารถนำมาใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนได้ ทั้งนี้ภายในงานยังมีการเสวนาในหัวข้อ “ความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและฟื้นฟูการประมงชายฝั่งอย่างยั่งยืน” จากการผนึกกำลังทุกภาคส่วน ได้แก่นายวิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทยนายสุไลมาน ดาราโอะ ประธานชมรมประมงพื้นบ้าน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และ รศ.เริงชัย ตันสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรศาตร์และทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมด้วยตัวแทนจากบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้บริหารสำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล เครือเจริญโภคภัณฑ์นายสุธี สมุทระประภูต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักบริหารและส่งเสริมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร และนายบัญญัติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพีออลล์ ณ สวนป่าทักษิณ อ.ระโนด จ.สงขลา

นายวิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า การจัดวางปะการังเทียมครั้งนี้ ถือเป็นความก้าวหน้าในระยะที่ 2 จากการลงนามความร่วมมือในโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและฟื้นฟูการประมงชายฝั่งอย่างยั่งยืนทั้งในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งภาคตะวันออกอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ระหว่างกรมประมง เครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์และบริษัท ทรู คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีจุดประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยครั้งนี้กรมประมงเป็นตัวแทนส่งมอบปะการังเทียมให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเพื่อนำปะการังเทียมจำนวน 1,000 แท่งไปส่งมอบให้กับชุมชนชายฝั่ง อ.ระโนด จังหวัดสงขลา และอ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อดำเนินการต่อไป

“จากสถานการณ์ความเสื่อมโทรมของท้องทะเล ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำในน่านน้ำของไทยมีปริมาณลดน้อยลงอย่างมากจนบางชนิดอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งส่งผลต่อการประกอบอาชีพของชาวประมง และทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงครอบครัว กรมประมงจึงได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูทรัพยากรประมงชายฝั่งทะเลโดยการจัดสร้างปะการังเทียมอย่างต่อเนื่อง มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจเอกชน ทั้งนี้ปะการังเทียมมีประโยชน์ในการใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย เลี้ยงตัว วางไข่ และหลบภัยของสัตว์น้ำ ทั้งยังเป็นการป้องกันการทำการประมงที่มีลักษณะทำลายทรัพยากร จะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ท้องทะเล รวมทั้งเป็นการพัฒนาแหล่งทำการประมงทั้งการประมงพื้นบ้านและการประมงพาณิชย์ ทำให้ชาวประมงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนถึงปัจจุบันกล่าวได้ว่าท้องทะเลไทยมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นจากการจัดวางปะการังเทียม” รองอธิบดีกรมประมง กล่าว

ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า จากวิกฤตและปัญหาที่เกิดขึ้นกับท้องทะเลของประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เครือเจริญโภคภัณฑ์ในฐานะภาคเอกชนที่เป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของระบบเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่เกี่ยวข้องกับท้องทะเลไทย จึงให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและฟื้นฟูการประมงชายฝั่งอย่างยั่งยืนทั้งในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งภาคตะวันออกอ่าวไทยและทะเลอันดามัน โดยดำเนินการผ่านแนวคิดหลัก “SEACOSYSTEM เพื่อทะเลไทยยั่งยืน” เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลเชิงบูรณาการสำคัญ 5 ด้าน ประกอบด้วย1. ​นโยบายในการพัฒนารูปแบบการทำธุรกิจที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน (SD in Process) โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ชูการทำงานที่โปร่งใสและมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย เช่น นโยบายการรับซื้อปลาป่นที่ต้องได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน การร่วมขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานด้านอาหารทะเล เช่น Seafood Taskforce ตลอดจนนโยบายบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ที่มีเจตนารมณ์ในการร่วมจัดการของเสียและขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ2. ส่งเสริมศักยภาพชีวิตชุมชน เช่น การพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดียั่งยืน ด้วยรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม และส่งเสริมกระบวนการสร้างความเข้มแข็งให้แก่คนในชุมชน3. ​สร้างแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์น้ำ เช่น โครงการป่าชายเลน โครงการปะการังเทียม บ้านปลา แนวเขตและกติกาเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรของชุมชน 4. ​การขยายพันธุ์สัตว์น้ำ เช่น โครงการธนาคารสัตว์น้ำ 5. การวิจัยและพัฒนา โดยร่วมผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้านทรัพยากรทางทะเลระดับประเทศ ผ่านงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เช่น งานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรปลาทู และงานวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบการทำประมงอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ล่าสุดได้ร่วมมือกับกรมประมงในการจัดวางปะการังเทียมต่อเนื่องเป็นระยะที่ 2 จำนวน 1,000 แท่ง ในพื้นที่ชุมชนทะเลชายฝั่ง อ.ระโนด จังหวัดสงขลา และอ.เมือง จ.นราธิวาส โดยมุ่งหวังให้ท้องทะเลภาคใต้ของไทยฟื้นคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ พี่น้องชาวชุมชนมีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถือเป็นพัฒนาการอีกหนึ่งก้าวของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการพัฒนาความยั่งยืนสู่ท้องทะเลไทย

ในการนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ศึกษาวิจัยติดตามผลการดำเนินงานในโครงการจัดวางปะการังเทียม ภายใต้ความร่วมมือกับกรมประมงตามโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและฟื้นฟูการประมงชายฝั่งอย่างยั่งยืนทั้งในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งภาคตะวันออกอ่าวไทยและทะเลอันดามัน พบว่าผลการดำเนินงานในพื้นที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งเป็นการดำเนินงานในระยะที่ 1 นั้น การวางปะการังเทียมทั้งหมดไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียต่อท้องทะเลบริเวณดังกล่าวทั้งทางเคมีและทางกายภาพ แต่ยังพบว่าท้องทะเลบริเวณดังกล่าวมีความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น สำรวจพบว่ามีปลามากถึง 35 ชนิด และจำแนกเป็นปลาเศรษฐกิจมากถึง 22 ชนิดและปลาสวยงามอีก 8 ชนิด ทำให้ชุมชนประมงชายฝั่งในบริเวณดังกล่าวสามารถจับสัตว์น้ำได้มากขึ้น

“ในปีนี้เครือซีพีได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนดำเนินการขยายพื้นที่วางปะการังเทียมเพิ่มขึ้นเป็นระยะที่ 2 จำนวน 1,000 แท่ง ให้กับพื้นที่ชุมชน อ.ระโนด จังหวัดสงขลา 500 แท่ง และอ.เมือง จ.นราธิวาส 500 แท่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมทางระบบนิเวศในการสร้างปะการังเทียม จนถึงปัจจุบันเครือซีพีได้จัดวางปะการังเทียมในทะเลไทยรวมทั้งสิ้น 2,000 แท่ง ทำให้ชุมชนประมงชายฝั่งในพื้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากทะเลได้อย่างยั่งยืนสามารถสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
นายศุภชัย กล่าว

นอกเหนือจากนี้ บริษัทในเครือฯ ได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร และบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีออลล์ ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่มธุรกิจการตลาดและการจัดจำหน่าย ได้ผนึกกำลังร่วมกับเครือซีพีซึ่งเป็นบริษัทแม่ในการเดินหน้าอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน ที่ซีพีเอฟได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันสามารถร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนได้จำนวน 2,388 ไร่ ใน 5 พื้นที่ได้แก่ จังหวัดระยอง จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดชุมพร จังหวัดสงขลา และจังหวัดพังงา ด้านบมจ.ซีพีออลล์ ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลโดยรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกตามเกาะต่าง ๆ ในทะเลฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ได้แก่ เกาะลันตา เกาะยาวน้อย เกาะหลีเป๊ะ เกาะเต่า เกาะเสม็ด เป็นต้น

ประธานคณะผู้บริหาร เครือซีพี กล่าวในที่สุดว่า เครือซีพีมุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบาย “SEACOSYSTEM เพื่อทะเลไทยยั่งยืน” ด้วยการผนึกกำลังบริษัทต่าง ๆ ในเครือฯ นำความรู้และความสามารถ ตลอดจนทักษะ และประสบการณ์ รวมไปถึงการสร้างเครือข่าย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการแก้ปัญหาใหม่ๆที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความยั่งยืนของเครือซีพี ที่มุ่งมั่นจะสร้างธุรกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยยึดมั่นความกตัญญูทั้งต่อประเทศชาติ สังคมและบริษัท ตามหลักค่านิยม “3 ประโยชน์”